OK 
EN30
 
 
2.1 Simple Present Tense
วัตถุประสงค์   หลังจากศึกษาเนื้อหาในเรื่อง simple present tense แล้วนักศึกษา  สามารถอธิบายและตอบคำถามในเรื่องต่อไปนี้ได้ถูกต้อง

1.      รูปกริยาที่ใช้กับ  simple present tense

2.      โครงสร้าง simple present tense

3.      หลักการใช้  simple present tense

 

·       โครงสร้างของ simple present tense ประกอบด้วย

 

ประธาน + กริยาช่องที่ 1 (base form)

 
กริยาของประโยค simple present tense จะอยู่ในรูป base form แต่จะมีการเปลี่ยนแปลงหรือผันคำไปตามพจน์และบุรุษด้วยการเติม inflections (–s หรือ –es) เข้าท้าย base form ในกรณีที่ประธานเป็นเอกพจน์บุรุษที่สาม (he, she, it เป็นต้น)
 

·       ตัวอย่าง ประโยค  simple present tense

ประโยคบอกเล่า

        ประโยคคำถาม

      ประโยคปฏิเสธ

         I work.

          Do I work?

        I do not work.

        You work.

         Do you work?

       You don't work.

    (He, She) It works.

   Does (he, she) it work?

   (He, she) It doesn't work.

       We work.

         Do we work?

       We don't work.

       They work.

         Do they work?

       They don't work.

 

·       หลักการใช้  simple present tense

         ใช้กล่าวถึงการกระทำที่เป็นนิสัย (habits) หรือเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นบ่อยๆ เป็นประจำสม่ำเสมอ ซึ่งการกระทำดังกล่าวมักจะมีคำกริยาวิเศษณ์บอกเวลา (adverb of time)ต่อไปนี้ อยู่ในประโยคเสมอ เช่น

always เสมอ, often บ่อยๆ, usually ตามปกติ, frequently บ่อยๆgenerally โดยทั่วไป, normally โดยทั่วไป, sometimes บางครั้งoccasionally บางคราว, nowadays ทุกวันนี้, rarely นานๆ ครั้งhardly แทบจะไม่, seldom แทบจะไม่ , every day ทุกวัน, every week ทุกสัปดาห์, every month ทุกเดือน every year ทุกปี twice a day วันละ 2 ครั้ง, on Sundays ทุกวันอาทิตย์

 

 

อดีต

ปัจจุบัน อนาคต
I  ride a bicycle to school every day. ฉันปั่นจักรยานไปโรงเรียนทุกวัน
      ตัวอย่าง ประโยค
  • She eats only fish. หล่อนรับประทานแต่ปลาเท่านั้น
  • They watch television every day. เขาทั้งหลายดูโทรทัศน์ทุกวัน
  • We catch the bus every morning. เราขึ้นรถประจำทางทุกเช้า
  • It rains every day in the rainy season. ฝนตกทุกวันในฤดูฝน
  • They drive to Puket every summer. เขาทั้งหลายขับรถไปภูเก็ตทุกฤดูร้อน

  • ใช้กล่าวถึงความจริงทั่วไป (general truths)

อดีต

ปัจจุบัน อนาคต

The birds fly  in the sky. นกบินอยู่บนท้องฟ้า

ตัวอย่าง ประโยค
Water
freezes at zero degrees. น้ำกลายเป็นน้ำแข็งที่ 0 องศา
The Earth
revolves around the Sun. โลกหมุนรอบดวงอาทิตย์
  •  ใช้กล่าวแนะนำการใช้หรือบอกทาง (instructions or directions)
    Open the box and pour the contents into hot water.
    เปิดกล่องแล้วเทสิ่งที่บรรจุลงในน้ำร้อน
    Take the No.6 bus to Redlands and then the No.10 to San Bernardino.
    ขึ้นรถหมายเลข 6 ไปยังเรดแลนด์ จากนั้นขึ้นรถหมายเลข 10 ไปซานเบอร์นาดิโน
  •  ใช้กล่าวถึงกำหนดการ (fixed arrangements)
    His mother
    arrives tomorrow. แม่ของเขาจะมาถึงพรุ่งนี้
    Our holiday
    starts on the 26th March. วันหยุดจะเริ่มในวันที่ 26 เดือนมีนาคม

  • ใช้หลังคำเชื่อมต่อไปนี้ (when, as soon as, after, if, และ unless) จะเป็นลักษณะประโยคเงื่อนไข เพื่อบรรยายเหตุการณ์ที่จะเกิดในอนาคตได้ เช่น

 

simple present

simple future

When        (เมื่อ)

 I come back,
ฉันกลับมา

I will call you.
ฉันจะโทรถึงคุณ

As soon as (ทันที)

After (หลังจาก)

If (ถ้า)

Unless (นอกจาก)

 

เช่น  As soon as I get some money, I will pay you back.
             ทันทีที่ฉันได้รับเงินฉันจะจ่ายคืนให้คุณ

              If you come late, you will miss the train.
                 
 ถ้าคุณมาช้าคุณจะขึ้นรถไฟไม่ทัน


  • ใช้บรรยายการกระทำหรือเหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นในปัจจุบันหรือในขณะที่พูดได้ ซึ่งตอนเริ่มต้นและตอนสิ้นสุดของการกระทำไม่เป็นส่วนสำคัญในประโยค เช่น

               Tom waits patiently while Tim books the tickets.

           ทอมคอยอย่างอดทนในขณะที่ทิมกำลังจองตั๋ว

                     The shelf has three books and a vase of flowers.
               ชั้นวางหนังสือมีหนังสือ 3 เล่มและแจกันดอกไม้

 

คำกริยาที่ไม่ใช่ action verb หรือกริยาที่มีการกระทำ ซึ่งเป็นกริยาที่แสดงความรู้สึกรัก เกลียด อารมณ์ หรือสภาพจิตใจ เช่น (feel, hear, taste, smell, see, know, believe, understand, recognize, remember, mean, possess, own, belong, want, prefer, need, appreciate, love, like, hate, dislike, seem, appear) ไม่ให้ใช้คำเหล่านี้ในรูปประโยค present continuous tense เช่น
 
              I am loving you. ผิด
        
I am hating you. ผิด

            She is knowing him very well. ผิด

            หมายเหตุ ถ้าหาต้องการใช้คำเหล่านี้ตามความหมายของ present continuous tense ให้ใช้กับประโยค simple present tense แทน เช่น

 

   I love you. ฉันรักคุณ

          I hate you. ฉันเกลียดคุณ

          She knows him very well. หล่อนรู้จักเขาดี

 

Active Voice / Passive Voice

 ประโยคภาษาอังกฤษส่วนใหญ่จะเป็นประโยคแบบ Active Voice แต่ก็มีบางส่วนที่เป็น Passive Voice
Active Voice: ผู้กระทำเป็นประธานของประโยค เช่น Tom eats the mango.


Vittaya: How often do you take a shower?
 
  คุณอาบน้ำบ่อยมั้ย
Tom:  I take  a shower everyday.
 
ผมอาบน้ำทุกวัน

Passive Voice : ผู้ถูกกระทำเป็นประธานของประโยค เช่น The mango is eaten by Tom.
หมายเหตุ   คำกริยาในประโยค Passive Voice จะเป็น ช่องที 3 ( Past Participle)

Vittaya : How often is your car washed ?
คุณล้างรถบ่อยมั้ย
Tom :     My car is washed one time a week.
ฉันล้างรถสัปดาห์ละครั้ง
 

 

กิจกรรมที่ 6 ให้นักศึกษาทำแบบทดสอบตนเองเรื่อง Simple Present Tense

Choose the correct answer for each question.

 
ศูนย์บริการการศึกษานอกโรงเรียนอำเภอวารินชำราบ จังหวัดอุบลราชธานี