ตราประจำจังหวัดภูเก็ต
         เป็นรูปท้าวเทพกษัตรี และท้าวศรีสุนทร เพื่อเป็นเกียรติประวัติแก่วีรสตรีทั้งสอง ในครั้งที่พระเจ้าอังวะกษัตริย์พม่า ยกกองทัพมารุกรานหัวเมืองฝ่ายตะวันตก แถบชายทะเลของไทย ภริยาของพระยาถลางชื่อจัน กับน้องสาวชื่อมุก
ได้ร่วมมือกับกรมการเมืองทั้งปวง ตั้งค่ายใหญ่ขึ้นมาป้องกันรักษาเมืองอยู่เดือนเศษ จนพม่าเสบียงหมดยกทัพกลับไป พระบาทสมเด็จพระพุทยอดฟ้าจุฬาโลก จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระม่อมแต่งตั้งวีรสตรีทั้งสองเป็น ท้าวเทพกษัตรีและท้าวศรีสุนทรสืบมา

คำขวัญของจังหวัดภูเก็ต
"ไข่มุกอันดามัน สวรรค์เมืองใต้ หาดทรายสีทอง สองวีรสตรี บารมีหลวงพ่อแช่ม"

ขนาดและที่ตั้ง
         จังหวัดภูเก็ต เป็นจังหวัดในภาคใต้ตอนบนของประเทศไทย ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกของภาคใต้ หรือชายฝั่งทะเลอันดามัน มหาสมุทรอินเดีย ระหว่างละติจูดที่ 7 องศา 45 ลิปดา ถึง 8 องศา 15 ลิปดา เหนือ และลองจิจูดที่ 98 องศา 15 ลิปดา ถึง 98 องศา 40 ลิปดาตะวันออก
ภูเก็ตเป็นเกาะที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย มีเนื้อที่โดยรวม ประมาณ 543.3 ตาราง-กิโลเมตร หรือ ประมาณ 339,375 ไร่ ประกอบด้วยเกาะบริวาร จำนวน 32 เกาะ

อาณาเขต
          ภูเก็ตมีอาณาเขตติดต่อกับจังหวัดใกล้เคียงและทะเลอันดามัน ดังนี้
ทิศเหนือ ติดต่อกับ ช่องแคบปากพระ อำเภอตะกั่วทุ่ง จังหวัดพังงา
ทิศใต้ ติดต่อกับ ทะเลอันดามัน มหาสมุทรอินเดีย
ทิศตะวันออก ติดต่อกับ ทะเลอันดามัน เขตอำเภอเกาะยาว จังหวัดพังงา
ทิศตะวันตก ติดต่อกับ ทะเลอันดามัน มหาสมุทรอินเดีย
สำหรับทิศเหนือของจังหวัดที่ติดต่อกับ ช่องแคบปากพระ ซึ่งมีความกว้างประมาณ 490 เมตร มีสะพานเชื่อมต่อกับจังหวัดพังงา 2 สะพาน คือ สะพานสารสิน และสะพานท้าวเทพกระษัตรี

การปกครอง
         จังหวัดภูเก็ต มีเขตการปกครองส่วนภูมิภาค แบ่งออกเป็น 3 อำเภอ 17 ตำบล 103 หมู่บ้าน และมีองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น 3 รูปแบบ คือ องค์การบริหารส่วนจังหวัด (1 อบจ.) เทศบาล(6 เทศบาล) และองค์การบริหารส่วนตำบล(13 อบต.) นอกจากนี้สามารถแยกพิจารณาแต่ละอำเภอได้ดังนี้

         อำเภอเมืองภูเก็ต แบ่งการปกครองเป็น 8 ตำบล 44 หมู่บ้าน ได้แก่ ตำบลตลาดใหญ่ ตลาดเหนือ กะรน เกาะแก้ว ฉลอง รัษฎา ราไวย์ และวิชิต มี 2 เทศบาล คือ เทศบาลเมือง และเทศบาลตำบลกะรน มี 6 องค์การบริหารส่วนตำบล ได้แก่ อบต.กะรน เกาะแก้ว ฉลอง รัษฎา ราไวย์ และวิชิต

         อำเภอกะทู้ แบ่งการปกครองเป็น 3 ตำบล 13 หมู่บ้าน ได้แก่ ตำบลกะทู้ กมลา และป่าตอง มี 2 เทศบาล คือ เทศบาลตำบลป่าตอง และกะทู้ มีองค์การบริหารส่วนตำบล 1 อบต. คือ อบต.กมลา

         อำเภอถลาง แบ่งการปกครองเป็น 6 ตำบล 46 หมู่บ้าน ได้แก่ ตำบลเทพกระษัตรี ป่าคลอก ไม้ขาว ศรีสุนทร สาคู และเชิงทะเล มี 2 เทศบาล คือ เทศบาลตำบลเทพกระษัตรี และเทศบาลตำบลเชิงทะเล มีองค์การบริหารส่วนตำบล 6 อบต. คือ อบต. เทพกระษัตรี ป่าคลอก ไม้ขาว ศรีสุนทร สาคู และเชิงทะเล


ลักษณะภูมิประเทศ
         ภูมิประเทศของจังหวัดภูเก็ตมีลักษณะเป็นหมู่เกาะ วางตัวในแนวจากทิศเหนือไปทิศใต้ พื้นที่โดยรอบประกอบด้วย ภูเขา ทะเล และหาดทราย พื้นที่ส่วนใหญ่ประมาณ ร้อยละ 77 เป็นภูเขา มียอดเขาสูงที่สุด คือ ยอดเขาไม้เท้าสิบสอง สูงจากระดับน้ำทะเลปานกลาง 529 เมตร พื้นที่ประมาณ ร้อยละ 30 เป็นที่ราบอยู่ตอนกลางและตะวันออกของเกาะ พื้นที่ชายฝั่งด้านตะวันออกเป็นดินเลน และป่าชายเลน สำหรับฝั่งทะเลด้านตะวันตกเป็นภูเขาและหาดทรายที่สวยงาม

ลักษณะภูมิอากาศ
         ภูมิอากาศของจังหวัดภูเก็ต มีลักษณะแบบเขตศูนย์สูตร อยู่ในเขตอิทธิพลของลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ และลมมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือ มีอากาศร้อนชื้นตลอดปี มี 2 ฤดูกาล คือ ฤดูฝน และฤดูร้อน แต่ละฤดูมีระยะเวลา ดังนี้

ฤดูฝน เริ่มตั้งแต่ เดือนเมษายน ถึง เดือนพฤศจิกายน

ฤดูร้อน เริ่มตั้งแต่ เดือนธันวาคม ถึง เดือนมีนาคม

ปริมาณน้ำฝนของจังหวัดภูเก็ต ระหว่างปี พ.ศ.2538-2542 อยู่ในช่วง 1,780.7 มม. ถึง 2,550.3 มม.
มีฝนตกมากที่สุด คือ ในปี พ.ศ.2542 วัดได้ถึง 2,550.3 มม. มีจำนวนวันฝนตก 189 วัน ฝนตกน้อยที่สุดในปี พ.ศ.2539 วัดได้ 1,780.7 มม. และมีจำนวนวันฝนตก 177 วัน

อุณหภูมิ
         จังหวัดภูเก็ต ตั้งแต่ปี พ.ศ.2538-2542 มีอุณหภูมิโดยเฉลี่ยตลอดปี อยู่ในช่วง 27.8 องศาเซลเซียส ถึง 29.3 องศาเซลเซียส โดยมีอุณหภูมิต่ำสุด อยู่ในช่วง 21.5 องศาเซลเซียส ถึง 22.7 องศาเซลเซียส อุณหภูมิต่ำที่สุด คือ ในปี พ.ศ.2542 สำหรับอุณหภูมิสูงสุด อยู่ในช่วง 35.7 องศาเซลเซียส ถึง 37.8 องศาเซลเซียส มีอุณหภูมิสูงสุดในปี พ.ศ.2541


ทรัพยากรในจังหวัด
          ป่าไม้
ในปี 2542 ภูเก็ตมีพื้นที่ป่าไม้ทั้งหมด 122,578 ไร่ หรือ ร้อยละ 36.12 ของพื้นที่ทั้งหมด ในจำนวนนี้ประกอบด้วย พื้นที่ป่าทั่วไป และพื้นที่ป่าสงวน

ขนบธรรมเนียมและประเพณี
          จังหวัดภูเก็ตในอดีตเจ้าถิ่นเดิม ได้แก่ เงาะซาไก และชาวน้ำ(ชาวเล หรือ ชาวไทยใหม่) ต่อมาได้มีชาวอินเดีย ชาวไทย และชาวจีน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นชาวจีนฮกเกี้ยนอพยพเข้ามา
สำหรับชาวไทยได้มีการอพยพเข้ามาอาศัยมากขึ้นทำให้สามารถยึดครองภูเก็ตได้มากกว่าชาติอื่น และในที่สุดชาวไทยที่อาศัยอยู่ก็ได้นำเอาวัฒนธรรมของชาติต่าง ๆ มาปรับปรุงและดัดแปลง จนกระทั่งกลายเป็นเอกลักษณ์ของชาวภูเก็ตสืบเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน
ด้านสถาปัตยกรรม
สถาปัตยกรรมของชาวภูเก็ตที่หลงเหลืออยู่ในปัจจุบัน ได้แก่ ที่อยู่อาศัย สถานที่ราชการ และวัดวาอาราม
สำหรับที่อยู่อาศัยที่เป็นเอกลักษณ์ของชาวภูเก็ต สามารถแบ่งได้เป็น สถาปัตยกรรมแบบพื้นบ้าน สถาปัตยกรรมแบบจีน

ด้านประเพณีและวัฒนธรรม
         จังหวัดภูเก็ต มีการจัดงานเทศกาลหรือประเพณีที่สำคัญเป็นประจำทุกปี อันได้แก่ งานท้าวเทพกระษัตรีท้าวศรีสุนทร ซึ่งตรงกับวันที่ 13 มีนาคม ในงานจะมีการบวงสรวงวีรสตรีทั้งสองท่านการจัดงานเฉลิมฉลอง และมีกิจกรรมต่าง ๆ มากมาย เพื่อเป็นการสดุดีวีรกรรมของท่าน และรำลึกเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ที่สองวีรสตรีสามารถปกป้องเมืองถลางให้รอดพ้นจากข้าศึกพม่า
นอกจากประเพณีดังกล่าวแล้ว จังหวัดภูเก็ตยังมีประเพณี-วัฒนธรรมอื่น ๆ ที่เป็นเอกลักษณ์ของตัวเองอีกมากมาย อันได้แก่ การอุปสมบท และการแต่งงาน เป็นต้น

การอุปสมบท
         ชาวภูเก็ตในปัจจุบันจะนิยมรวบรัดพิธีอุปสมบท โดยให้มีการโกนผมนาคในตอนเช้าตรู่ของวันอุปสมบท และทำพิธีอุปสมบทในตอนสาย เมื่อเสร็จพิธีอุปสมบทในเวลาฉันเพลก็จะเลี้ยงภัตตาหารเพลพระภิกษุสงฆ์ในวัด เพื่อเป็นการฉลองพระภิกษุที่บวชใหม่ไปพร้อมกัน

การแต่งงาน
         ชาวภูเก็ตจะมีการผสมผสานระหว่างวัฒนธรรมไทยและจีนร่วมกัน นั่นคือเมื่อมีการสู่ขอและกำหนดวันแต่งงานเรียบร้อยแล้ว ในตอนเช้าของวันแต่งงานเจ้าบ่าวจะแห่ขันหมากและของหมั้นต่าง ๆ มาบ้านเจ้าสาว พร้อมการจุดประทัดต้อนรับเจ้าบ่าว เมื่อมาถึงบ้านเจ้าสาว และเมื่อมีการหมั้นเจ้าสาวเรียบร้อยแล้ว เจ้าบ่าวและเจ้าสาวจะต้องไปสักการะเจ้าแม่กวนอิม(ปุดจ้อ) ณ ศาลเจ้าปุดจ้อ และไปไหว้หลวงพ่อแช่ม ณ วัดฉลอง เมื่อเสร็จพิธีดังกล่าวแล้วก็จะเป็นการเลี้ยงฉลองการแต่งงาน ซึ่งก่อนการเลี้ยงฉลองจะมีการเชิญญาติผู้ใหญ่ของทั้งสองฝ่ายรับการคาราวะน้ำชาจากเจ้าสาวและเจ้าบ่าว เรียกว่า "ผั่งเต๋" เมื่อเสร็จการเลี้ยงฉลองจะมีการส่งตัวเจ้าสาวเจ้าบ่าวเข้าเรือนหอตามประเพณีทั่วไป

วัฒนธรรมการรับประทานอาหาร
         อาหารส่วนใหญ่ของชาวจังหวัดภูเก็ตจะเน้นไปทางด้านอาหารจีน ซึ่งมีลักษณะเฉพาะของจังหวัดภูเก็ตเอง นอกจากนี้ในการรับประทานอาหารเช้า ชาวจังหวัดภูเก็ตจะนิยมรับประทานเป็น ขนม น้ำชา-กาแฟ หรือขนมจีน แทนการรับประทานข้าว
อาหารที่มีลักษณะเฉพาะของชาวภูเก็ต ได้แก่ หมี่ฮกเกี้ยน หมี่หุ้นปาฉ่าง หมี่สั่ว กาหรี่ไหมขวัญ โอวต้าวปอเปี๊ยะสด เสี่ยวโบ๋ย โลบะ ขนมจีน น้ำชุบหยำ น้ำพริกกุ้งเสียบ และ แกงพุงปลา เป็นต้น
สำหรับขนมหวาน ได้แก่ โอเอ๋ว ตูโบ้ เกียมโก้ย และอาโป้ง ฯลฯ นอกจากนี้ภูเก็ตมีน้ำจิ้มมะม่วงที่เป็นลักษณะเฉพาะ คือ คล้ายน้ำปลาหวาน แต่ประกอบจากกะปิ น้ำตาล และซีอิ้วดำแทนน้ำปลา เรียกว่า เกลือเคย

ด้านการละเล่น
         การละเล่นพื้นเมืองของจังหวัดภูเก็ต คือ "รองเง็ง" เป็นการละเล่น หรือ นาฎศิลป์ของชาวเล ที่มีการร่ายรำ และเต้นรำด้วยการเคลื่อนไหวของมือ เท้า ลำตัว ที่สัมพันธ์และสอดคล้องกัน ด้วยทำนองและเนื้อร้องของเพลงต้นโยง ที่มีเครื่องดนตรี ไวโอลิน ฆ้อง ฉิ่ง และกรับไม้ เป็นส่วนประกอบสำคัญ
สำหรับการแต่งกายในการละเล่น รองเง็ง นั้น ชาวเลผู้หญิงจะนุ่งผ้าปาเต๊ะ สวมเสื้อลูกไม้แขนยาวสีสรรฉูดฉาด ซึ่งชุดที่ใช้สวมใส่จะมีลักษณะคล้ายชุดยอหยา


ตั้งแต่วันที่ 27 พฤศจิกายน 2544 ท่านเป็นผู้เข้าชมคนที่



©2001 HUTTAGUM GRAPHIC all right reserved
18/10 Moo 5, Soi Paneng, Samkong Town, Phuket, Thailand 83000
Tel +6676254998 Fax. +6676254998
Website : http://www.huttagum.com
E-Mail : info@huttagum.com