Ex-Pys Article : 100 Questions you want to know more about SSEAYP (3) |
100
คำถามที่คุณอยากรู้เกี่ยวกับโครงการเรือเยาวชนเอเชียอาคเนย์ |
||
-สงวนลิขสิทธิ์- |
||
Question 41 จุดเริ่มต้นการเดินทางของโครงการเรือเยาวชนเอเชียอาคเนย์
แต่ละปีจะมีการเริ่มต้นโครงการแตกต่างกันไปโดยจะเวียนกลุ่มไปในกลุ่มประเทศอาเซียน
โดยเรือนิปปอนมารูจะเดินทางออกจากประเทศญี่ปุ่นพร้อมกับ
PY ประเทศญี่ปุ่นและทีมงาน
เพื่อให้ไปถึงจุดเริ่มต้น
(Starting point)ตรงตามกำหนดเวลา
เยาวชนจากทุกประเทศจะบินจากประเทศของตนเองเพื่อมารวมกันที่จุดเริ่มต้น
เมื่อมาพร้อมกันหมดทุกประเทศแล้วก็จะเริ่มโครงการนับแต่บัดนั้น
ยกตัวอย่างเช่นในปี พ.ศ. 2546
โครงการเริ่มที่ประเทศสิงคโปร์
ในวันที่ 9 กันยายน 2546
เรือก็จะออกเดินทางจากประเทศญี่ปุ่นประมาณวันที่
30 สิงหาคม 2546
เพื่อเดินทางไปยังประเทศสิงคโปร์ต่อไป |
||
Question 42 เยาวชนจากประเทศไทยทุกคนจะเดินทางไปยังจุดเริ่มต้นพร้อมกันใช่หรือไม่
สำหรับ
PY
จะเดินทางออกจากประเทศไทยและบินไปยังจุดเริ่มต้นพร้อมกัน
ส่วน NL
จะเดินทางไปก่อนประมาณ 1
สัปดาห์โดยจะบินตรงไปยังประเทศญี่ปุ่นเพื่อประชุมหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการเตรียมความพร้อมของโครงการก่อน
เช่น ในปี พ.ศ.2546 NL
จะออกเดินทางไปประเทศญี่ปุ่นตั้งแต่วันที่
30 สิงหาคม 2546
และจะเดินทางพร้อมกับเรือมายังจุดเริ่มต้นที่สิงคโปร์
ส่วนเยาวชนคนอื่นๆจะเดินทางไปขึ้นเรือที่ประเทศสิงคโปร์ในวันที่
9 กันยายน 2546 เป็นต้น |
||
Question 43 ประเทศที่เรือนิปปอนมารูแวะในโครงการ
แต่เดิมกลุ่มประเทศที่ร่วมโครงการมีเพียง
7 ประเทศ
โครงการจึงสามารถตัดตารางกิจกรรมและตารางการเดินเรือให้เรือนิปปอนมารูสามารถแวะทำกิจกรรมได้ทุกท่าเรือที่ร่วมกิจกรรมของแต่ละประเทศ
(port of call)
แต่ในเวลาต่อมามีประเทศเข้าร่วมโครงการมากขึ้น
บางประเทศก็ยังไม่มีความพร้อมในการที่จะให้เยาวชนร่วมโครงการในประเทศตนหรือบางประเทศก็ไม่มีชายฝั่งทะเลหรือท่าเรือน้ำลึก
เรือจึงไม่สามารถเข้าจอดเทียบท่าได้ทุก
port of call
โดยจะเลือกจอดเฉพาะบางประเทศ
เวียนกันไปในแต่ละปีตามความเหมาะสม
เช่นในปี พ.ศ.2546
เรือไม่เข้าจอดเทียบท่าที่ประเทศบรูไนดารุสซาลาม
ในปีต่อๆมาก็อาจไม่จอดที่ประทศไทย
หรือประเทศมาเลเซีย ฯลฯ
เป็นต้น |
||
Question 44 Port
of call
|
||
Question 45 กิจกรรมในประเทศที่เรือนิปปอนมารูไม่ได้เข้าจอดเทียบท่า
กรณีที่เรือนิปปอนมารูไม่ได้เข้าจอดเทียบท่าในประเทศใด
เยาวชนส่วนใหญ่ก็จะไม่ได้เข้าไปทำกิจกรรมในประเทศนั้น
แต่อย่างไรก็ดีโครงการเรือเยาวชนเอเชียอาคเนย์ก็จะจัดผู้แทนประกอบด้วยผู้บริหารโครงการ
, กัปตัน , NL , YL
และทีมงานที่เกี่ยวข้อง
บินไปประเทศดังกล่าวเพื่อเยี่ยมคารวะบุคคลสำคัญและทำกิจกรรมในฐานะตัวแทนของเยาวชนทั้งหมดในประเทศนั้น
นานประมาณ 2-4
วันตามความเหมาะสม
แล้วจึงบินกลับมายังประเทศที่เรือจอดอยู่
ยกตัวอย่างเช่น ในปี พ.ศ.2546
เรือนิปปอนมารูไม่ได้จอดเทียบท่าที่ประเทศบรูไน
เมื่อเรือเข้าจอดเทียบท่าที่จาการ์ต้า
ประเทศอินโดนีเซีย
คณะผู้แทนก็จะบินไปยังประเทศบรูไนเพื่อทำกิจกรรม
กรณีดังกล่าวจะเกิดเช่นเดียวกันสำหรับกิจกรรมในประเทศลาว
พม่า กัมพูชา และเวียดนาม(ในบางปี) |
||
Question 46 เส้นทางเดินเรือ
เส้นทางการเดินเรือจะถูกรัฐบาลญี่ปุ่นปรับเปลี่ยนไปทุกปีตามความเหมาะสม
ขึ้นอยู่กับจุดเริ่มต้นโครงการ
ประเทศที่เรือเข้าจอด
และปัจจัยความเหมาะสมอื่นๆที่เกี่ยวข้อง
แต่โดยปกติจะคล้ายคลึงกัน
แตกต่างกันบ้างในรายละเอียดเท่านั้น |
||
Question 47 ผู้ดูแลควบคุมโครงการเรือเยาวชนเอเชียอาคเนย์เมื่ออยู่บนเรือ
เมื่ออยู่บนเรือนิปปอนมารู และตลอดระยะเวลาของการเข้าร่วมโครงการฯ จะมีคณะกรรมการเรียกว่า Cruise Operation Committee หรือเรียกย่อๆว่า COC เป็นผู้ควบคุมดูแลโครงการในระดับนโยบาย และพิจารณาแก้ไขปัญหาในเรื่องสำคัญต่างๆ COC ประกอบด้วย Administrator ทีมงานระดับกับอาวุโส National Leader ของทุกประเทศ และบุคคลอื่นๆที่เกี่ยวข้อง โดยจะมีการประชุมหารือใน COC แทบทุกวันเพื่อวางมาตรการ แนวทาง ตลอดจนแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นระหว่างโครงการในระดับนโยบาย เมื่อ COC มีนโยบายในเรื่องต่างๆอย่างไร National Leader ก็จะถ่ายทอดนโยบายนั้นไปสู่ Youth Leader หรือ Assistant Youth Leader เพื่อนำไปขยายผลในทางปฏิบัติ หรือถ่ายทอดไปยัง Group leader และ PY ทุกคนต่อไป เป็นการบริหารงานในระบบกระจายอำนาจที่ชัดเจน สำหรับตัวบุคคลที่เป็นผู้บริหารสูงสุดของโครงการ คือ Administrator โดยปกติเป็นข้าราชการระดับผู้ใหญ่จากหน่วยงานของประเทศญี่ปุ่นที่รับผิดชอบในกิจกรรมโครงการเรือเยาวชนเอเชียอาคเนย์ตลอดจนโครงการแลกเปลี่ยนอื่นๆ ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันไป แต่บางครั้งก็เป็นซ้ำกัน 2-3 ปี ขึ้นอยู่กับความเหมาะสมและปัจจัยต่างๆที่เกี่ยวข้อง ถือเป็นหัวหน้าคณะสูงสุดของผู้เข้าร่วมโครงการทุกคน อย่างไรก็ดี
หากไม่นับเรื่องการบริหารจัดการโครงการในส่วนของเนื้อหาแล้ว
กัปตัน (Captain)
จะเป็นผู้บริหารสูงสุดเกี่ยวกับการเดินเรือ
หากมีปัญหาเกี่ยวกับความปลอดภัยหรือกระบวนการใดๆในการเดินเรือ
กัปตันจะเป็นผู้เป็นผู้มีอำนาจในการสั่งการ |
||
Question 48 Administrative
staffs
|
||
Question 49 บทบาทสำคัญของกัปตัน
และลูกเรือ
|
||
Question 50 หน่วยบริการทางการแพทย์บนเรือ
ในระหว่างเข้าร่วมโครงการจะมีบริการทางการแพทย์ตามปกติแก่ผู้เข้าร่วมโครงการทุกคนโดยไม่คิดค่าใช้จ่าย (โดยแพทย์ประจำบนเรือ) โดยจะมีแพทย์ให้บริการในช่วงเวลาเปิดทำการที่แน่นอน หากนอกเวลา ผู้เจ็บป่วยสามารถติดต่อขอรับบริการหรือปรึกษาได้ที่พยาบาลประจำเรือ พยาบาลจะเป็นผู้พิจารณาว่าเป็นกรณีที่สมควรต้องพบแพทย์หรือไม่ หรือหากเป็นกรณีฉุกเฉินเกินความสามารถหรืออุปกรณ์แพทย์บนเรือ ทางโครงการก็จะรีบดำเนินการส่งสถานพยาบาลบนบกโดยด่วนต่อไป โดยประเทศที่เข้าร่วมโครงการจะมีพันธะสัญญาต่อกันในการดูแลรักษาพยาบาลผู้เข้าร่วมโครงการดังกล่าว อย่างไรก็ดีในปี
พ.ศ.2546
เนื่องจากมีวิกฤติการณ์โรค
SARS
และโรคติดต่อร้ายแรงอื่นๆ
รัฐบาลญี่ปุ่นจึงได้กำหนดมาตรการที่ค่อนข้างเคร่งครัดในการป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดของเชื้อโรคติดต่อดังกล่าว
โดยผู้เกี่ยวข้องทุกคนที่จะขึ้นอยู่บนเรือจะต้องผ่านตรวจเช็คทางการแพทย์ว่ามไม่มีเชือ้โรคติดต่อร้ายแรงดังกล่าว
ตลอดจนไม่ได้เพิ่งกลับจากการเดินทางไปยังประเทศที่
WHO
กำหนดให้เป็นเขตแพร่ระบาดของโรค
หรือเป็นผู้ที่ได้สัมผัสโดยตรงกับผู้ที่เป็นโรคดังกล่าว
เช่น
เป็นผู้ปฐมพยาบาลผู้ป่วยในครอบครัว
ฯลฯ
ทุกคนจะต้องต้องวัดอุณหภูมิร่างกายตนองวันละ
2 ครั้งเป็นเวลา 2
สัปดาห์ก่อนขึ้นเรือ
หากมีอุณหภูมิสูงเกิน 38
องศาเซลเซียส
ก็อาจถือว่ามีความเสี่ยงต่อโรคติดต่อและอาจขาดคุณสมบัติในการเข้าร่วมโครงการ
ยกเว้นแต่รัฐบาลของประเทศที่
PY
สังกัดจะรับรองว่าปลอดจากเชื้อโรคติดต่อดังกล่าว
และเมื่อขึ้นเรือแล้วก็ต้องวัดอุณหภูมิตนเองทุกวันๆละ
2 ครั้ง
หากมีแนวโน้มหรือต้องสงสัยว่าจะเป็นผู้ป่วยด้วยโรคติดต่อก็จะต้องถูกกักตัวหรือดำเนินการตามมาตรการทางการแพทย์ตามที่รัฐบาลญี่ปุ่นกำหนดทันที |
||
Question 51 เงื่อนไขด้านความปลอดภัยบนเรือ
ตามระเบียบข้อบังคับเกี่ยวกับการเดินเรือ กรณีที่เรือลำใดเดินทางออกสู่ทะเลเกินกว่า 24 ชั่วโมง เรือลำนั้นจะต้องมีการซักซ้อมมาตรการความปลอดภัยให้แก่ผู้โดยสาร กฎนี้ใช้บังคับกับการเข้าร่วมโครงการเรือเยาวชนเอเชียอาคเนย์ด้วยเช่นกัน ในช่วงวันแรกของการเดินทาง PY และผู้เกี่ยวข้องทุกคนจะต้องซ้อมการสละเรือ ซึ่งเป็นมาตรการบังคับเพื่อเป็นการซักซ้อมในกรณีที่อาจเกิดเหตุฉุกเฉินขึ้น โดยทุกคนจะต้องรู้และศึกษาว่าในห้องพัก (Cabin) ของตนเอง จะมีเสื้อชูชีพจัดเก็บไว้สำหรับผู้เข้าพักแต่ละคน เสื้อชูชีพตัวใดเป็นของตนเอง และเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน จะต้องไปรวมพลที่ใด ลงเรือชูชีพหมายเลขเท่าใด และจะต้องปฏิบัติตนอย่างไรในในเรือชูชีพระหว่างลอยลำในทะเล เพื่อรักษาชีวิตตนเองและผู้อื่นไว้ให้ได้นานที่สุดจนกว่าจะมีเรือลำอื่นมาช่วย การซักซ้อมมาตรการเพื่อความปลอดภัยดังกล่าวเป็นเรื่องสำคัญมาก
แต่เป็นที่น่าเสียดายว่ายังมีเยาวชนอีกมากเห็นเป็นเรื่องเล่น
ไม่ได้ใส่ใจเท่าที่ควรในระหว่างการซักซ้อมหรือให้ความรู้โดยทีมงานของเรือ
ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่สมควรอย่างยิ่ง
เพราะหากเกิดฉุกเฉินขึ้นจริงๆ
นอกจากจะเป็นการสร้างความไม่ปลอดภัยให้ตนเองแล้ว
ยังก่อให้เกิดอันตรายต่อผู้อื่นอีกด้วย
เยาวชนจึงควรให้ความสำคัญในส่วนนี้ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากิจกรรมอื่นในโครงการ |
||
Question 52 ส่วนบริการด้านเสริมความงามบนเรือ
นิปปอนมารูเป็นเรือเดินสมุทรขนาดใหญ่ที่มันสมัย
จึงมีส่วนบริการด้านต่างๆอย่างครบครัน
ทั้งสระว่ายน้ำ ห้องฟิตเนส
(Fitness room) ห้องอาบน้ำรวม (Grand bath)
ห้องเซาน่า (Sauna) ห้องซักรีด
(Laundry room)รวมไปถึง Beauty salon ด้วย
แต่ส่วนบริการดังกล่าวจะเปิดให้บริการเฉพาะตามช่วงเวลาที่เหมาะสม
และไม่คิดค่าบริการ ยกเว้น
Beauty salon
ที่หากเปิดบริการแล้วจะคิดค่าบริการที่ค่อนข้างแพงมาก
อย่างไรก็ดี
บริการเสริมความงามใน Beauty salon
นี้ถือเป็นบริการฟุ่มเฟือย
จึงมักไม่ค่อยเปิดบริการระหว่างโครงการ
เยาวชนจึงควรให้ความสนใจกับกิจกรรมในโครงการที่มีกำหนดการค่อนข้างแน่น
มากกว่าที่จะเน้นประเด็นความสวยงามมากจนเกินไป |
-สงวนลิขสิทธิ์-