*คำเตือน* นิยายเรื่องนี้จัดได้ว่าเป็นนิยายเฉพาะกลุ่ม หากท่านรับไม่ได้ หรืออย่างไร ก็ขอให้ออกไปจากหน้านี้โดยด่วน และอย่าได้กล่าวว่าผู้แต่งหรือผู้จัดทำโดยเด็ดขาด อีกทั้งนิยายเรื่องนี้ได้ถูกแต่งขึ้นจากจินตนาการของผู้แต่ง มิได้เป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นจริงแต่อย่างใดและได้รับอนุญาตให้นำมาลงในเว็ปนี้เท่านั้นห้ามมิให้ผู้ใดนำไปใช้ในด้านอื่นๆ ขอบคุณค่ะ

Feel To w-inds.
By Feel To w-inds.

          โอยในที่สุดก็มาถึงตอนที่สามแล้วหละนะครับ ความห่วงใยที่เกิดขึ้นนั้นไม่มีใครรู้หรอกครับว่า มันจะกลายเป็นความสัมพันธ์แบบไหนต่อไปในอนาคตข้างหน้า ริวอิจิเองใจจริงเค้าก็ไม่ได้เกลียดอะไรเคจังหรอกนะฮะ ผมอยู่กับเค้ามานาน ผมรู้ดีว่า เจ้าหมอนี่นิสัยใจคอเป็นอย่างไร แต่ว่า ผมก็สงสารเคจังเหลือเกินที่ต้องซ้อมตัวคนเดียวหนักหนาขนาดนี้ เฮ่อ… ทำไงได้ล่ะครับ ก็รับหน้าที่เป็นนักร้องนำนี่ฮะ ไอ้ครั้นผมจะเข้าไปช่วยเค้าซ้อมก็คงจะไม่ไหว เพราะเรื่องร้องเพลงกับผมเนี่ยก็…แหะๆๆ ผมว่าผมคงต้องหัดอีกเยอะเลยหละครับ มาดูกันต่อไปดีกว่านะครับว่า… หลังจากนั้นเกิดอะไรขึ้นกับพวกเราบ้าง…
          ทุกๆ วันเหตุการณ์ต่างๆ ก็หมุนเวียนไปเรื่อยๆ เช้าถึงบ่าย ซ้อมเต้น หลังบ่ายจนถึง 6โมงเย็นเป็นเวลาของหนุ่มน้อยนักร้องนำที่ต้องเข้าคอร์สหัดควบคุมเสียง กลางดึกของทุกค่ำคืนซ้อมร้องเพลงต่อจนถึงตี 2 ครึ่ง และเมื่อกลับถึงห้องนอนก็จะพบกับโกโก้หอมกรุ่น วางรอไว้ให้ดื่มอยู่ทุกค่ำคืนไป Keita เองก็ไม่เคยถาม Ryohei เลยสักครั้งถึงความใจดีที่มีให้ทุกคืนนี้ ตัว Ryohei เองก็ไม่เคยเอ่ยปากบอกหรือเอ่ยถึงแม้สักครั้ง จน Keita คิดว่า นั่นคงเพราะการทำอะไรแบบนี้มันไม่ใช่วิสัยของเด็กผู้ชาย ตัวเค้าจึงไม่เอ่ยทักให้เรียวเฮเก็บไปคิดมาก สู้เงียบไว้แล้วรอรับความใจดีจากเพื่อนและพี่ชายที่แสนดีคนนี้ต่อไปจะดีกว่า
          อ้อ หรืออีกอย่างนึงที่เป็นสาเหตุให้ Ryohei ไม่พูดถึงเรื่องเหล่านี้ก็อาจเป็นไปได้ว่า… การมาทำดีกับ Keita มันอาจสร้างความไม่พอใจให้กับ Ryuichi ก็เป็นได้ ดังนั้นการไม่พูดอะไรเลย อาจเป็นสิ่งดีที่สุดในตอนนี้ก็เป็นได้ พูดถึงเจ้าริวแล้วก็อดขำไม่ได้ ทุกวัน นับวัน ก็ยิ่งป่วนไม่เลิกไม่รา หาเรื่องกวนโมโหเคจังได้ไม่เว้นแต่ละวัน จนอาจเรียกได้ว่าถ้าวันไหนไม่ได้ฉะฝีปากกับเจ้าเคจัง วันนั้นคงถึงกับกินไม่ได้นอนไม่หลับ ไปทั้งคืนเป็นแน่แท้
          หลังจากที่พวกผมปล่อยให้ Keita หนุ่มน้อยนักร้องนำของวงลำบากยากเข็นในการซ้อมร้องเพลงอยู่คนเดียวมานานพอสมควร ในที่สุดสุ้มเสียงที่มีก็เข้าที่เข้าทางเป็นที่น่าพอใจของครูสอนร้องเพลงจนได้ ทางโปรดิวส์เซอร์เค้าจึงเริ่มมีการจัดตารางการเรียนร้องเพลงให้กับผม และ Ryuichi บ้าง ดังนั้นเราทั้งสามจึงเริ่มมีเวลาในการซักซ้อมร่วมกันอีกครั้งหนึ่ง
          พวกเราทั้งซ้อมร้องซ้อมเต้นจนในที่สุดทางค่ายก็ยอมอนุมัติให้เริ่มออกโชว์ตัวตามสวนสาธารณะใจกลางเมือง ที่มีชื่อว่า Shibuya Park ในวันที่ 26 พฤศจิกายน ปี 2000 โดยมีผู้คนที่ให้ความสนใจมาดูพวกเราเป็นครั้งแรกเพียง 30 คนเท่านั้น พวกเราใช้ชื่อกลุ่มว่า w-inds. ตามความหมายที่แปลได้ว่า "สายลม" และ "ชัยชนะ" (w-in)ds and (w-ind)s คำสองคำที่มีความหมายแตกต่างกัน แต่ใช้ตัวเขียนไม่ต่างกันมากนัก
          ในคำแรกคือการรวมตัวกันของสายลมต่างทิศที่มาบรรจบกัน ณ กรุงโตเกียวแห่งนี้ สายลมแห่งทิศเหนือ Ryuichi และตัวผม จากฮอกไกโดเมืองแห่งหิมะ และสายลมแห่งทิศใต้ Keita จากฟุกุโอกะ เมืองร้อนทางตอนใต้ของประเทศ ส่วนในคำที่สองนั้นก็เหมือนกับเป็นการรวมตัวกันของเราทั้งสามคนด้วยโชคชะตาที่ชักพามาให้พวกเราทั้งหมดได้ร่วมมีชัยชนะร่วมกันในกรุงโตเกียวเมืองหลวงของญี่ปุ่นนี้นั่นเอง เมื่อนำคำทั้งสองมารวมกันแล้วก็เหมือนกับการรวมตัวกันทั้งหมด ดังนั้นตัว S ที่เหลือจึงถูกแต่งเติมขึ้นมาเพื่อหมายรวมถึงทั้งสายลมทั้งสามสาย และ คำสองคำที่มีความหมายที่ยิ่งใหญ่มารวมตัวกันนั่นเอง!… (โอย…กว่าจะอธิบายจบ เล่นเอาเหนื่อยเลย แหะๆ ไม่ใช่เรียวเฮนะที่เหนื่อย เดี๊ยนเองแหละฮับที่เหนื่อย แฮ่ๆ)
          การแสดงถูกจัดขึ้นทุกวันอาทิตย์ที่สวนสาธารณะเดิม จนถึงวันที่ 24 ธันวาคม ปี 2000 คนดูเหลือเพียง 3 คนเท่านั้น ซึ่งถือว่าเป็นวันที่เลวร้ายที่สุดของพวกผมเลยก็ว่าได้ แต่พวกเราก็ยังคงทำหน้าที่ของตัวเองต่อไปให้ดีที่สุด ถึงแม้ว่าจะมีแฟนๆ รอดูอยู่เพียงกระหยิบมือเดียวเท่านั้น!!
          ในเดือนมกราคม ปี 2001 เราเริ่มที่จะออกมาโชว์ตัวตามท้องถนนแทนสวนสาธาราณะที่เคยแสดงอยู่เป็นประจำทุกวันอาทิตย์ โดยเรียกกันว่าเป็น Street Live Debut ไม่มีการจัดทำวิดีโอใดๆ (Making VDO clip) ไม่มีการออกโฆษณาในการเปิดตัวตามสถานีโทรทัศน์หรือวิทยุใดๆ มีเพียงการแสดงโชว์ตัวบนท้องถนนเท่านั้น จนในที่สุด ในเดือนมีนาคม ปี 2001 จำนวนคนดูที่รอดูพวกเราาก็เพิ่มมากขึ้นมาอย่างไม่คาดฝัน มีคนรอดู Street live เปิดตัวซิงเกิ้ลแรกของพวกเราถึง 8,000 คนด้วยกัน!!!
          ดังนั้นในที่สุดวันที่พวกเราทั้งหมดรอคอยก็มาถึง single แรก หรือ Debut single ออกวางจำหน่ายในวันที่ 14 มีนาคม 2001 ชื่อว่า Forever memories และใครๆ ก็ได้รู้จักพวกเราในฐานะวง w-inds.! Music video (MV) หรือที่รู้จักกันในอีกชื่อว่า Promotion Video (PV) ได้ถูกปล่อยออกมาก่อนหน้าการวางแผงไม่นาน หลายคนที่เห็นในครั้งแรกมักคิดว่าพวกเราเป็นวงที่ประกอบไปด้วยเด็กผู้หญิงหนึ่งและเด็กผู้ชายอีกสอง นั่นก็เพราะด้วยน้ำเสียงและหน้าตาของ Keita ที่ทำให้ใครหลายๆ คนถึงกับอึ้งเมื่อรู้ว่าเค้าคือเด็กผู้ชาย…. แต่ผมว่าเค้าเป็นแบบนี้ก็ดีนะครับน่ารักดีผมชอบ ^^
          ดูเหมือนว่า การที่บริษัทไม่ยอมให้ Keita ตัดผมสั้นนั้นก็คงเพราะด้วยเหตุผลนี้แหละมั้ง เพราะความคลุมเคลือในตัวศิลปินที่ดูเหมือนเด็กผู้หญิงแบบนี้แหละ คือจุดขายอีกอย่างหนึ่งที่สามารถทำให้ใครๆ พากันสนอกสนใจได้ นอกเหนือจากการเต้นและเสียงร้องที่เป็นเอกลักษณ์แบบนี้ ไม่นานนักเพลงของพวกเราก็เข้าติดชาร์จได้ในระดับหนึ่ง ซึ่งก็ถือว่าประสบความสำเร็จไปอีกขั้นสำหรับวงหน้าใหม่สไตร์ Idol ที่นอกเหนือจากค่าย Johnny Family ที่ครองตลาด J-pop อยู่ในขณะนั้น
          คุณเชื่อมั้ยครับว่าพวกผมตื่นเต้นกันแค่ไหนในครั้งแรกที่ซิงเกิ้ลออกวาง พวกเราใจไม่ดีด้วยกันทั้งนั้น เพราะใครๆ ก็รู้ดีว่า Johnny Family นั้นมันใหญ่ขนาดไหน นักร้องกลุ่มสไตร์เดียวกับพวกเค้าไม่ค่อยเป็นที่นิยมนักเลย เกิดขึ้นมาเร็วแล้วก็ไปอย่างรวดเร็ว เราเองก็ถือว่าเป็นอีกกลุ่มหนึ่งเช่นกันที่ทางค่ายปล่อยออกมาชนกับค่ายยักษ์ใหญ่อย่าง Johny แค่เพลงในซิงเกิ้ลของเราติดอันดับก็ทำเอาแทบจะร้องไห้แล้วหละครับ!
          อ้ออีกอย่างหนึ่ง ที่ทุกคนต่างให้ความสนใจพวกเรามากยิ่งขึ้น นั่นก็อาจจะเป็นเพราะวง Da pump วง dance ชื่อดังระดับชั้นแนวหน้า ที่คอยเป็นกำลังเสริมให้อย่างออกหน้าออกตา อิอิ พวกผมน่ะชื่นชอบ Da pump กันทุกคนเลยฮะ เพราะพวกเค้าใจดีกับเรามากๆ ยิ่งคุณเคนด้วยแล้ว เรียกว่าเป็นอาจารย์ของพวกเราเลยหละครับ เค้ามักสอนอะไรต่างๆ ให้อยู่เสมอ ไม่ใช่เฉพาะแต่เรื่องของการเต้นหรอกนะครับ ทุกๆ เรื่องที่เราอยากรู้ และทุกๆ เรื่องที่เค้าต้องการให้เราทำได้ อื่ม พวกเราเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันครับ
          พวกเราเริ่มออกสู่สายตาประชาชนมากขึ้น ทางค่ายเริ่มทำป้ายประกาศเปิดตัวให้กับพวกเรา ตามตึกใหญ่แถวย่าน Shibuya ลองคิดดูนะครับ ตึกสูงๆ ย่าน Shibuya แล้วก็มีโปรเตอร์ขนาดใหญ่เท่าตึกแปะลงไปบนตัวตึกเป็นรูปหน้าพวกเรา 3 คน คนละตึก โอ้โห… มันจะใหญ่อะไรขนาดนั้น ตัวผมเคยคิดว่าสักวันคงมีโอกาสได้มีรูปตัวเองติดตามตึกแถว ชิบุย่าเข้าสักวัน แล้ววันนั้นก็มาถึงจริงๆ ด้วยครับ เรามีรูปติดตามตึกเป็นของตัวเอง โอย.. หัวใจผมแทบจะออกมาเต้นข้างนอกแน่ะ
          และหลังจากนั้นพวกเราก็เริ่มต้นออกรายการต่างๆ โดยเริ่มจากการเป็นวงเปิดให้กับวง Da pump ในการไปออกแสดงโชว์ตามรายการทีวีต่างๆ หรือออกรายการทีวีท้องถิ่นในบางครั้ง พวกเรายังคงได้รับความสนใจอย่างต่อเนื่อง จนในที่สุดรายการ Musix ได้จัดกิจกรรมท้าประลองความสามารถให้กับเราขึ้น!!
          เราถูกจัดให้เข้ารับการทดสอบเต้นในรูปแบบที่เรียกว่า "Soul Dance" กับอาจารย์ที่เคยเป็นนักร้องและนักเต้นรำในแนว Soul Dance ที่ถูกขนานนามว่า "Bogie Dance" ท่านให้พวกเราลองเต้นตามจังหวะเพลงที่ท่านเปิด ทั้ง Ryuichi และ Keita สอบผ่านฉลุยอย่างไร้ข้อกังวลใดๆ และดูเหมือนว่า Ryuichi เองจะมีความชำนาญมากเสียด้วยซ้ำ เอ…หรือว่าจะเป็นเพราะรูปร่างเค้าคล้ายกับอาจารย์กันนะ ^^ สำหรับผมมีบางท่าที่ทำไม่ได้เอาซะเลยก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเพราะอะไรมันถึงยังดูขัดๆ อยู่แบบนั้น อาจารย์ท่านให้ Ryuichi เต้นให้ผมดูหนึ่งครั้ง แล้วก็ลองให้ผมเต้นตามดูอีกครั้ง หลังจากนั้นท่านก็ปิดเพลงพร้อมทั้งเอ่ยออกมาว่า…
           "พวกเธอลองนั่งลงแล้วหลับตา คอยจับจังหวะของเพลงดูสิ ลองจินตนาการตามเสียงดนตรีที่เปิดคลอดู แล้วลองแสดงออกมาสิว่าเธอรู้สึกอย่างไร" เมื่อการเต้นหยุดลง พวกเราก็ลงนั่งกับเก้าอี้ที่ถูกจัดเอาไว้ให้ เสียงดนตรี Soul Dance เริ่มบรรเลงขึ้นอีกครั้ง เราทั้งสามคนต่างหลับตาลง พร้อมเพ่งฟังเสียงท่วงทำนองจากแผ่นเสียงที่ถูกเปิด จนในที่สุด….
           "พอๆ หยุดเพลงซิ เธอ…ชื่ออะไรนะ" อาจารย์ท่านเอ่ยถามขึ้นพร้อมชี้มายัง Ryohei ที่นั่งอยู่กลางระหว่างเพื่อนๆ (ที่ผมต้องนั่งขั้นกลางระหว่างเจ้าสองคนนั้น ก็คงรู้นะครับว่าเพราะอะไร) "Ryohei ครับ" "Ryohei-kun เธอยังไม่เข้าใจความหมายของ Soul Dance ถ้ายังไม่เข้าใจแบบนี้ เธอก็ไม่สามารถที่จะเต้นเพลงในแนวนี้ได้หรอกนะ กลับไปหัดมาอีกครั้งชั้นให้โอกาส ถ้ามั่นใจแล้ว ก็กลับมาที่นี่อีกครั้ง ชั้นจะรอพวกเธอ" นั่นคือคำพูดสุดท้ายที่ก้องอยู่ในหัวของผม
          Ryohei ซ้อมอย่างหนักทุกวัน เพื่อที่จะได้ผ่านการทดสอบ โดยมี Keita และ Ryuichi คอยผลัดกันมาให้กำลังใจอยู่เสมอๆ กำหนดเส้นตายของการทดสอบครั้งนี้อยู่อีกเพียงแค่ 2 วันเท่านั้น ทั้ง 3 จะต้องกลับมาเต้นให้ดูอีกครั้งเพื่อดูว่า การทดสอบในครั้งนี้จะผ่านหรือไม่!?
           "Five Six Seven Eight… One two.." เสียงนับจังหวะของเรียวเฮยังคงดังอยู่ที่ห้องซ้อมเต้น แม้ว่า Ryuichi กับ Keita จะลงหยุดพักแล้ว แต่เค้าก็ยังคงหยุดไม่ได้ ในเมื่อขณะนี้คนที่กลายเป็นคนอ่อนที่สุดในกลุ่มและอาจหมายถึงการทำให้วงเสียชื่อได้นั้นคือเค้า! ถ้าขืนเค้ายังมัวนั่งพัก ไม่ยอมซ้อมหละก็..คงไม่มีทางทดสอบผ่านได้แน่ๆ
           "เฮ่อ… ซ้อมจนเมื่อยไปหมดแล้วนะเนี่ย อยากกลับบ้านเป็นบ้า" Ryuichi ครางพลางเอามือบีบนวดบนต้นขาของตัวเองเบาๆ "พูดอย่างกับตัวเองเมื่อยอยู่คนเดียว คนอื่นเค้าก็เป็นเหมือนกันหละน่า จะบ่นให้ได้อะไรขึ้นมาฟะ!" ร่างบางที่นั่งถัดออกไปไม่ไกลนักหันมาว่าพร้อมยกขวดน้ำขึ้นดื่ม "ใครขอความเห็นนายกัน… หุบปากไปเลยไป" Ryuichi เหล่มองปลายหางตา "นายนั่นแหละ บ่นๆๆ อยู่ได้! คนเค้าซ้อมกันมาเหนื่อยๆ ยังต้องมานั่งฟังนายบ่นอีก น่ารำคาญ" "เอ๊ะ! แล้วใครใช้ให้นายมานั่งฟังชั้นพูดล่ะห๊ะ!" "ก็แล้วใครใช้ให้นายมานั่งบ่นอยู่ใกล้ๆ นี่หละ!" "อุ๊วะ! ก็แล้วจะมานั่งใกล้ชั้นทำไมเล่าวะ" "นายนั่นแหละมานั่งใกล้ชั้น!" "ไอ้ตุ๊ด!" "ไอ้อ้วน!" "ไอ้.."
           "โอ้ย พอซักที!! หยุดทะเลาะกันซักทีได้ม๊ายยยย…. พวกนายจะตีกันไปถึงไหน จะหยุดตีกันซักวันไม่ได้เลยหรือไง นู่น! ถ้าพวกนายอยากจะทะเลาะกันมากนักก็โน่นเลยไป ไปข้างนอกเลยไป! แค่นี้ชั้นก็ปวดหัวจะแย่อยู่แล้วนะ ไป!" เมื่อศึกของสองทัพเริ่มอุบัติขึ้นอีกครั้ง แต่คราวนี้คนกลางที่เคยห้ามปรามไม่อยู่ในอารมณ์จะห้าม กลับหัวเสียขึ้นมาแทนก็เลยทำเอาสองหนุ่มที่ตีกันอยู่นิ่งเงียบไป… ปกติ Ryohei จะเป็นคนที่อารมณ์ดี และอารมณ์เย็นที่สุดในกลุ่ม ไม่เคยหัวเสียอะไรง่ายๆ แต่ตอนนี้คงไม่ใช่ซะแล้ว… อาจเพราะแรงกดดันที่มี ทำให้ไม่สามารถควบคุมอารมณ์ได้อีกต่อไป อะไรขวางหูขวางตาจึงอดกลั้นอดทนไม่อยู่อีกต่อไปแล้ว
           "ก็เจ้าหมอนี่มันมากวนชั้นก่อน" ร่างท้วมบ่นประท้วงของความเห็นใจว่าตนไม่มีความผิดในเรื่องนี้ แต่ว่า… "Ryuichi!" เสียงตะหวาดของ Ryohei ทำเอา Ryuichi หงอลงไปทันตา ส่งผลให้คู่อริคู่กรณีที่อยู่ด้านข้าง ยิ้มเยาะอย่างสะใจ "คิกๆ สม…" "Keita!" สายตาดุๆ และเสียงตะหวาดปานสายฟ้าฟาดดังขึ้นอีกครั้ง "อึ๋ย… งั้น งั้นชั้นออกไปข้างนอกก่อนนะ หิวยังไงไม่รู้สิ" "ช ชั้นก็ด้วยรู้สึกครั่นเนื้อครั่นตัวพิกลๆ อ่ะ ไปนะ" ทั้ง Ryuichi และ Keita ต่างลุกออกจากห้องไปก่อนที่ระเบิดจะลงอีกระรอก
           "เพราะนายน่ะแหละ Ryohei โกรธเลย"
           "นายนั่นแหละ มาหาเรื่องชั้นก่อน"
           "นายนั่นแหละ" "นายแหละ" "นาย.." "Keita! ..Ryuichi!" "ย๊ากก ไปแล้วๆ" และแล้วสองลิงก็ต้องวิ่งเตลิดออกมาข้างนอกด้วยความเร็วเหนือแสง.. "โอย…เวลาคนใจดีๆ โกรธนี่น่ากลัวจังแฮะ" Keita วิ่งออกมายืนหอบหายใจที่หน้าห้องโดยมี Ryuichi วิ่งตามมาติดๆ
           "นั่นดิ่…ท่าทางจะเครียดมากจริงๆ ด้วย แฮ่กๆ" "อยากจะช่วยนะ แต่ก็ไม่รู้จะช่วยยังไงดีด้วยสิ" "เออ น่า ปล่อยเค้าไปเหอะ อย่าง Ryohei น่ะ เดี๋ยวก็ทำได้แล้วไม่ต้องเป็นห่วงไปหรอก" "อื่ม" หันไปมองหน้า Ryuichi ที่หันมามองตนเองเช่นกัน "อ๊ะ!" "อ๊ะ!" "ใครถามนายกัน ชั้นพูดของชั้นคนเดียวหรอกนะ" พอนึกขึ้นได้ว่ากำลังพูดคุยอยู่กับคนที่ไม่ถูกกันร่างบางก็รีบตัดบทเดินหนีไปเลย ปล่อยให้ Ryuichi ยืนชี้หน้าด่าอยู่คนเดียว "ประสาท! อะไรวะ ตัวเองมาพูดขอความเห็นเองแท้ๆ…คิดว่าชั้นอยากพูดด้วยนักรึไง โธ่!"
          ตัวผมเองตั้งแต่อยู่วงมานี่ ผมอยากจะบอกว่า ไม่เคยมีครั้งไหนที่ทำให้ผมหนักใจเท่าครั้งนี้มาก่อนเลยจริงๆ ทั้งๆ ที่เต้นเหมือนกันแท้ๆ จังหวะผมก็ว่าผมถูกต้องทุกอย่าง แต่ทำไมผมถึงถูกตำหนิอยู่เพียงคนเดียวเท่านั้น ทำไมถึงถูกว่าว่าไม่เข้าใจ soul dance แล้วการเต้นของผมมันต่างกับอีกสองคนมากขนาดนั้นเลยเหรอครับเนี่ย? ตัวผมเองก็ใช่ว่าจะไม่พยายามแก้ไขปรับปรุง แต่ผมยังนึกไม่ออกเลยว่า ผมผิดตรงไหน คิดแล้วก็น่าน้อยใจ.. แต่ทำไงได้ล่ะครับ ก็ในเมื่ออาจารย์ท่านทักมาที่ผมคนเดียวแบบนี้นี่ ผมก็คงต้องก้มหน้าก้มตาทำใจ ซ้อมมันต่อไปจนกว่าจะได้ท่าที่เค้าพอใจเท่านั้น ชะตาของวงตอนนี้เรียกว่าขึ้นอยู่กับผมเพียงคนเดียวเลยก็ว่าได้ ผมซ้อมแล้ว ซ้อมอีกอยู่กับท่าที่ทำไม่ได้ ท่าที่ถูกตำหนิมาจนนาน….แบบนี้ติดต่อกันจนมาถึงวันสุดท้ายที่ใกล้กำหนดการนัดหมาย เพื่อทดสอบอีกครั้ง…
          สามหนุ่มน้อยยืนเรียงกันในตำแหน่งของตัวเองที่ถูกจัดไว้และซ้อมเต้นหน้ากระจกบานใหญ่ในห้องซ้อมของบริษัทอย่างเอาจริงเอาจัง ไม่มีใครปริปากบ่นออกมาแม้แต่คนเดียว ต่างคนต่างก็เครียดเมื่อนึกถึงกำหนดการที่จะมาถึงในวันพรุ่งนี้ เช้าจนเที่ยงซ้อมกันมาตลอดแทบไม่หยุดพักเลยด้วยซ้ำ
          Keita และ Ryuichi เริ่มหยุดซ้อมลงนั่งตามมุมของห้องดูเพื่อนที่ยังคงขมักเขม้นตั้งใจเต้นกับท่าที่ตนยังทำไม่ผ่าน ยิ่งเห็นแบบนี้ก็ยิ่งกลุ้ม Keita เองก็อยากจะช่วย แต่ก็ไม่รู้ว่าจะช่วยยังไง เพราะการเต้นมันขึ้นกับตัวของตัวเองเท่านั้น นี่ถ้าเต้นแทนกันได้ จะไม่บ่นซักคำ จะรีบโดดอาสาเข้าไปเต้นแทน Ryohei แน่ๆ แต่ก็นั่นแหละ ถ้าทำอย่างนั้นได้จริงๆ Ryohei ก็ไม่ยอมให้ทำอยู่ดีนั่นหละ เพราะเค้าถือว่าเรื่องแบบนี้ควรทำได้ด้วยตัวเอง เค้าไม่ยอมให้ใครมาทำอะไรแทนแน่ๆ เฮ่อ …
          Ryuichi ที่นั่งซับเหงื่ออยู่อีกด้านหนึ่งซึ่งตรงกันข้ามกับ เคจัง ก็ได้แต่มองเพื่อนซี้ของตนแล้วทอดถอนหายใจออกมายาวๆ ทำไงดีล่ะ… มาด้วยกัน ซ้อมก็ซ้อมด้วยกัน แต่กลับโดนตำหนิอยู่คนเดียวแบบนี้ Ryohei จะรู้สึกยังไงนะ สองวันที่ผ่านมา Ryohei ไม่เคยหยุดพักเลยก็ว่าได้ เวลาที่เรากับเจ้านั่นหยุด Ryohei ก็ยังคงซ้อมต่อไป ช่วงนี้ ไม่เคยได้เห็นรอยยิ้มจาก Ryohei อีกเลย เห็นแต่หน้าที่ขมวดมุ่นคิ้วอยู่ตลอดเวลา พักนี้พอทะเลาะกับเจ้านั่น Ryohei ก็ไม่มาสนใจใยดีเลยสักนิด โอย …จะไหวมั้ยนะแบบนี้ … นี่ชั้นจะช่วยเพื่อนชั้นยังไงได้ล่ะเนี่ย…
          สองหนุ่มต่างสไตร์ ต่างคนก็ต่างมองจับจ้องไปที่คนกลางคนสำคัญของกลุ่มที่กำลังทุ่มตัวสุดกำลัง เพื่อซ้อมท่าทางการเต้นอย่างเอาเป็นเอาตาย… ไม่นานนักร่างบางที่ยืนเต้นอยู่หน้ากระจกเพียงลำพังก็ทรุดตัวลงนั่งกับพื้น ก้มหน้าก้มตาคิดอะไรต่างๆ นานา ที่อีกสองคนไม่สามารถร่วงรู้ได้ และเพียงไม่กี่อึดใจเค้าก็ลุกกลับขึ้นมาเต้นใหม่อีกครั้งด้วยเหงื่อที่ท่วมใบหน้าเรียวสวยและโทรมกายในขณะนี้
          ภาพตรงหน้ามันทำเอาทั้งสองคนที่นั่งมองดูอยู่เงียบๆ ในคนละมุม นิ่งขึงไปในทันที….. "เอาวะ เป็นไงเป็นกัน.." หนุ่มร่างท้วมสบถกับตัวเองเบาๆ เมื่อหยุดคิดตัดสินใจอะไรได้สักครู่ หลังจากที่เห็นเพื่อนหยุดเต้นและแสดงท่าทางอ่อนล้าออกมาให้เห็น เค้าตัดสินใจอะไรบางอย่างได้ในทันทีที่เห็นร่างตรงหน้าทรุดกายลงอย่างหมดหนทาง Ryuichi ค่อยๆ เดินเลาะเลียบอ้อมหลัง Ryohei ไปยังอีกฝั่งที่คู่อริตัวแสบนั่งอยู่… Keita เมื่อเห็นอีกฝ่ายเดินตรงเข้ามาหาก็ต้องมองกลับไปด้วยความสนใจและสงสัย… จะมาไม้ไหนวะ หน้าสิ่วหน้าขวานแบบนี้ยังคิดจะมาหาเรื่องชวนทะเลาะกันถึงนี่อีกเหรอวะเนี่ย!
"ฟุ่บ!" ร่างท้วมสันทัดลงนั่งแหมะตรงด้านข้างของอีกฝ่าย ไม่ทันได้ตั้งตัว ไม่คิดว่าจะมาแบบนี้ ร่างบางที่นั่งอยู่ก่อนถึงกับสะดุ้งโหยงขยับขาข้างที่อยู่ใกล้อีกฝ่ายที่สุดหนีทันที พร้อมหันกลับมามองหน้าอย่างงงๆ "ชั้นมาเจรจาสงบศึกชั่วคราว" "หือ?" เสียงพูดแผ่วเบาที่ผ่านเข้าหูไป มันทำเอา Keita ต้องขอความมั่นใจอีกครั้งด้วยไม่เชื่อในสิ่งที่ตัวเองได้ยินมาเมื่อครู่
           "บอกว่ามาเจรจาสงบศึกไง …ขืนยังทะเลาะกันอยู่แบบนี้มีหวังพรุ่งนี้ Ryohei …เอ่อ ไม่ใช่สิ พวกเรา..คงแย่แน่ๆ.." Ryuichi แม้จะพูดกับ Keita อยู่ก็ตาม แต่ก็ไม่ได้มองหน้าเลยแม้แต่น้อย กลับนิ่งมองตรงไปยังเพื่อนซี้และพี่ชายที่ตนรักและสนิทที่สุดอย่างกังวลๆ ปกติแล้วเรื่องจะยอมคนก่อนแบบนี้ คงไม่มีแน่สำหรับเค้า แต่นี่คงต้องเป็นกรณียกเว้นจริงๆ เพราะมันหมายถึง "Ryohei" คนที่เป็นทั้งเพื่อนและพี่ชายที่แสนจะใจดีในเวลาเดียวกันของเค้า อีกทั้งยังชะตาของวงเป็นเดิมพันอีก
           "…เอาไงล่ะ.. ชั้นก็กำลังคิดอยู่เหมือนกันว่าจะเอาไงดี… เห็น Ryohei ที่เป็นแบบนี้แล้ว ชั้นไม่สบายใจเลย" Keita หันมามองริวอิจิ ที่สายตาออกจะกังวลๆ อย่างเห็นได้ชัด "..ไปช่วย Ryohei ซ้อมกันเถอะ.. นายจะสงบศึกไว้มั้ยล่ะ?" Ryuichi พูดจบก็หันกลับมามองเพื่อนเฉพาะกิจที่ตอนนี้ก็กังวลใจไม่แพ้เค้าเลย "ได้… ก็ได้… ตกลงตามนี้ เราสงบศึกกันไว้ก่อน" Keita หยุดคิดนิดนึงก่อนที่จะตอบตกลงด้วยรอยยิ้ม พร้อมยื่นมือขึ้นมาให้ Ryuichi จับ โดยริวเองก็ยิ้มตอบและจับเอาไว้มั่นเช่นกัน
           "ตกลง เพื่อ Ryohei" "อื่ม! …เพื่อ Ryohei" สองมือน้อยๆ กุมจับกันไว้มั่น เหมือนเป็นสัญญาที่ผูกมัดเค้าทั้งสองเอาไว้ด้วยกัน ใบหน้าที่ยิ้มแย้มถูกหยิบยื่นให้แก่ครั้งเป็นครั้งแรก และนี่ดูเหมือนว่าจะเป็นครั้งแรกที่คนทั้งคู่มีใจตรงกันถึงขนาดนี้ ความสัมพันธ์เฉพาะกิจที่เกิดขึ้นโดยที่มี Ryohei เป็นสื่อกลางนำชักให้พวกเค้าทั้งคู่ต้องเข้าร่วมมือกัน
          เอาเถอะ ใครล่ะจะรู้ได้ว่า กับความสัมพันธ์เฉพาะกิจและสัญญาสงบศึกเพียงช่วงเวลาสั้นๆ นี้จะนำพาไปสู่อะไรต่อไปในอนาคตข้างหน้า… อะไรที่คืบคลานเข้ามาทีละน้อยเข้าเกาะกุมหัวใจของคนทั้งคู่ ใครในกลุ่มล่ะจะรับรู้และสัมผัสได้ถึงความรู้สึกใหม่ที่เริ่มก่อร่างสร้างตัวขึ้นมานี้ได้ก่อน ความรู้สึกของสายสัมพันธ์ระหว่างเด็กชาย 3 คนที่ต้องใช้ชีวิตและมีชะตากรรมร่วมกัน ตั้งแต่ถูกพัดพามาจากต่างทิศเข้ามารวมตัวกันได้จนถึงขณะนี้ การรับรู้ถึงการมีตัวตนอยู่ของแต่ละคนในวง ความรู้สึกที่เหมือนแยกจากกันไม่ได้ คุณจะสัมผัสและรับรู้ถึงความรู้สึกของพวกเค้าได้หรือไม่ Feel To w-inds.


Blow To continue.....Feel To w-inds

From Feel to w-inds Part III
          ก็กลับมาอีกครั้งแล้วนะคะกับนิยายเรื่องยาวววววว ของเว็บนี้ กับการอัพในวันที่ 30 กันยายน 2002 แหม สิ้นเดือนพอดีเลย ฮี่ๆๆ มาคราวนี้น้องๆ อาจจะเห็นว่ามันโล่งๆ ไปบ้างนั่นเพราะว่า พี่ไม่ได้นำรูปภาพมาประกอบในเรื่องเลย ก็คือว่า HDD สุดที่รักมันวายชีวาวาตไปซะแล้วอ่ะค่ะ ต้องรอเอาไปเคลมที่ร้านไม่รู้จะกู้ข้อมูลได้ทั้งหมดหรือเปล่า เฮ่อ... กรรมของเว็บมาสเตอร์ คิดว่าเรื่องนี้จะหายไปกับข้อมูลอื่นๆ ด้วยซะแล้วสินะเนี่ย เอาหละค่ะ เนื้อความของนิยายในคราวนี้ก็เริ่มก้าวเข้ามาถึงที่ วินส์ Debut กันสักที พวกเค้าต้องพบกับอุปสรรคต่างๆ มากมาย มาดูกันเลยดีกว่าว่ามีอะไรกันบ้าง ^^
          ขอพูดรวมๆเลยแล้วกันนะคะ คือเรื่องของวันที่และการเตรียมการของทางบริษัทที่ปล่อย 3 หนุ่มน้อยหน้าใสอย่างวินส์ออกโชว์ตัวกันตามสวนสาธารณะในทุกวันอาทิตย์ คนจำนวนน้อยมากเลยที่ได้ติดตามดูพวกเค้ากัน ที่เศร้าที่สุดก็เห็นจะเป็นช่วงหลังที่เหลือแฟนพันธ์แท้อยู่แค่ 3 คนเท่านั้น (นี่เรื่องจริงค่ะ)
           ต่อมาก็เรื่องของชื่อวง ใครๆ ที่เคยสงสัยกันว่าเพราะเหตุใด จึงมีชื่อวงตามนี้ก็คงจะได้เข้าใจกันสักทีนะคะ ว่าเพราะอะไร พี่ก็พยายามจะเขียนให้น้องๆ อ่านแล้วเข้าใจที่สุดเท่าที่จะทำได้หละนะคะ ^^
          เรื่องของการเดบิวเปิดตัวครั้งแรก ก็คือโชว์ตัวตามสตรีทไลฟ์อันนี้มีคนมาดูกว่า 8000 คนนะคะ ไม่ใช่ใช้สตาร์ฟ 8000 คนตามที่น้องๆ บางคนเข้าใจกัน เพราะถ้าขืนใช้สตาร์ฟ 8000 คนจริงๆ หละก็นั่นคอนเสิร์ทระดับ ไมเคิล แจ๊คสันแล้วหละค่ะ ขนาดวงเกลย์ยังไม่ได้เท่านั้นเลย ก็นะคะ ขนาดแค่เปิดตัวยังมีคนมาดูเยอะขนาดนี้แล้วจะไม่ให้ดังได้ยังไงล่ะค่ะ จริงมะ ^_~
          การปรากฎตัวของวินส์ทำเอาค่ายจอนนี่แฟมิลี่สั่นคลอนได้ในระดับหนึ่ง เนื่องจากว่าถูกแบ่งแยกคนดูออกไปเป็นบางส่วน ย้ำว่าบางส่วนนะคะ! (แม้พี่จะเชียร์ข้างวินส์มากกว่า แต่ก็ต้องยอมรับข้อเท็จจริงในเรื่องนี้ค่ะ) แต่ก็ไม่ถึงกับทั้งหมดหรอกนะคะ เพราะในซิงเกิ้ลแรกนี้วินส์ยังไม่ได้รับความสนใจมากขนาดนั้น แต่ก็เป็นกระแสที่ทำเอาวงไอดอลอย่างค่ายจอนนี่ร้อนๆ หนาวๆ ได้เหมือนกัน รวมถึงการก่อให้เกิดวงไอดอลหน้าใหม่ขึ้นมาอีกมากมายนอกเหนือจากค่ายจอนนี่แฟมิลี่ค่ะ (ช่วงนั้นนักข่าวเค้าเรียกกันว่าเป็นช่วงปฏิวัติวงการำอดอลกันเลยหละค่ะ)
           เอ้ามาถึงเรื่องสำคัญอย่าง Soul Dance อันนี้ไปออกรายการ Musix ก็นานแล้วหละนะคะ เรียวเฮทำไม่ได้เอาซะเลยจริงๆ แถมถูกด่าด้วยว่า ไม่เข้าใจคำว่า Soul Dance ก็น่าสงสารจริงๆ นั่นหละค่ะ ดูแล้วก็น้ำตาซึม T__T โถๆ พ่อหนุ่มของเราถูกว่าอยู่คนเดียวจนต้องซ้อมหนักขนาดนั้น เล่นเอาช่วงนั้นพี่ปันใจให้เรียวเฮ มากกว่าเคตะไปเลย ฮี่ๆๆๆ
           หมดแล้วหละคะสำหรับสาระวินส์ในตอนนี้ คงต้องขอบอกไว้ล่วงหน้าว่า... ไม่รู้จะมีโอกาสได้อัพเดทเรื่องนี้กันต่อเมื่อไหร่เพราะ คอมเจ้ากรรมดันมามีอันเป็นไปซะแบบนี้ ก็ช่วยกันภาวนาเผื่อพี่ด้วยแล้วกันนะขอให้ข้อมูลทั้งหลายในเครื่องยังอยู่ครบทีเถอะ เฮ่อ.... คราวหน้ามาดูบทสรุปของ Soul Dance กันนะคะ ว่า 3 หนุ่มเค้าจะเป็นอย่างไรต่อไป ริวอิจิและเคตะจะดีกันได้หรือไม่ แล้วน้องๆ หนูจะรู้สึกตามไปกับนิยายบ้าๆ บอๆ เรื่องนี้มากน้อยเพียงใด Feel To w-inds ค่ะ
          ปล. น้องคนไหนเขียนฟิคชั่นของวินส์แล้วอยากจะมาให้เพื่อนๆ คนอื่นดูบ้างก็อย่าลืมส่งมาให้พี่ได้นะคะที่ meichan@winds.i-p.com ^_^ บ้าย บายค่ะ

contact to me
name:
email:
Subject:
Message

 

Feel To w-inds 1 / 2 / 3 / 4 / 5 /

©2002 by Feel To w-inds.All right reseved.