*คำเตือน* นิยายเรื่องนี้จัดได้ว่าเป็นนิยายเฉพาะกลุ่ม หากท่านรับไม่ได้ หรืออย่างไร ก็ขอให้ออกไปจากหน้านี้โดยด่วน และอย่าได้กล่าวว่าผู้แต่งหรือผู้จัดทำโดยเด็ดขาด อีกทั้งนิยายเรื่องนี้ได้ถูกแต่งขึ้นจากจินตนาการของผู้แต่ง มิได้เป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นจริงแต่อย่างใดและได้รับอนุญาตให้นำมาลงในเว็ปนี้เท่านั้นห้ามมิให้ผู้ใดนำไปใช้ในด้านอื่นๆ ขอบคุณค่ะ

Close to you
By Feel To w-inds.

Lastest Chapter ^^

          “นี่... ไม่ไปด้วยกันจริงๆ เหรอริวอิจิคุง” “ไม่หละ... ขอบใจ อยากกลับบ้านน่ะ พรุ่งนี้เจอกันนะ” ริวอิจิยิ้มรับคำเพื่อนๆ ที่โรงเรียนสอนเต้น ที่กำลังจะเคลื่อนขบวนไปร้านคาราโอเกะละแวกใกล้เคียงหลังจากที่ฝึกซ้อมการเรียนกันมาอย่างหนักแล้ว จากวันนั้นผ่านพ้นมาได้เดือนนึงแล้วสินะ .... ผมเข้าสมัครเรียนที่โรงเรียนสอนเต้นในละแวกใกล้บ้าน อืม.... นั่นอาจเพราะไม่อยากปล่อยให้ตัวเองว่างมากเกินไปก็เป็นได้ ถึงต้องหาอะไรต่อมิอะไรทำแก้ว่างแบบนี้ไปพลางๆ .... นี่อาจเป็นวิธีเดียวที่จะไม่ทำให้ฟุ้งซ่านก็เป็นได้ เรียนๆๆ ตกเย็นก็ออกมาเรียนเต้นให้เหนื่อยมากๆ แล้วก็หลับไป ไม่มีเวลาแม้แต่จะคิดเรื่องต่างๆ ที่ผ่านมา ไม่มีเวลาดูทีวี ไม่มีเวลาพูดคุยกับใคร และไม่มีเวลาหยุดฟังกลุ่มเพื่อนๆ พูดถึงดาราดังให้ต้องคิดมากอีกครั้ง
          หลังจากปลีกตัวออกจากหมู่เพื่อน เด็กหนุ่มก็ตั้งหน้าตั้งตาเดินมาตามทางกลับบ้านของตนเหมือนเช่นทุกครั้งที่เป็น เค้าลัดเลาะผ่านสวนสาธารณะที่เป็นเหมือนจุดเริ่มต้นของเรื่องราวทั้งหมด ริวอิจิมักใช้เวลาอยู่นานในแต่ละวันกับการเดินไปตามเส้นทางในสวนที่ได้พบและพาร่างบางหลีกหนีจากกลุ่มผู้คนที่เฝ้าติดตาม แม้ใจจะไม่อยากนึกถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น แต่ก็ยังอดไม่ได้ที่จะคอยมองหาคนๆ นั้นในที่ๆ เคยได้พบ แม้เหมือนเป็นการย้ำคิดย้ำทำ แต่ก็ห้ามไม่ได้ที่จะให้ตัวเองยังคงนึกถึงเหตุการณ์ที่ผ่านมา...
          ดวงอาทิตย์คล้อยตัวลงต่ำ ดวงจันทร์เริ่มทอแสงบางเบาออกมาให้ได้เห็น ลำแสงสีแดงอ่อนบางจางหายลงไปช้าๆ จากผืนฟ้าที่กำลังจะตกเป็นของดวงจันทรา .... แสงสีอำพันกับแสงสีทองแสดตกกระทบลงบนร่างบางในชุดลำลองสีขาวสะอาดที่ยืนชะเง้อมองดูห้องที่ตนเคยอาศัยอยู่อย่างเงียบๆ ใบหน้าด้านข้างที่ได้เห็น มันสวยงามดั่งภาพแห่งความฝัน นี่ชั้นฝันไป ชั้นสร้างภาพหลอนเพื่อหลอกตัวเอง หรือว่า... เพราะ......
          ร่างบางก้มหน้าลงอย่างช้าๆ พลางถอนหายใจออกมาเบาๆ ก่อนจะขยับตัวหันหลังกลับเดินจากไปอย่างเงียบๆ ...แต่เมื่อสายตากลับสะดุดกับร่างของใครคนนึงที่เคยคุ้นยืนจ้องมองตนอยู่อย่างตกตะลึง รอยยิ้มหวานที่เคยปรากฏก็กลับคืนมาอีกครั้ง
           “อ... ริวอิจิ...” เสียงหวานกังวานใสสูงเอื้อยเอ่ยถ้อยคำแรกออกมาด้วยเสียงกลั้วหัวเราะ แม้จะดูแปลกตาไปจากเดิมบ้าง แต่ไม่ผิดแน่... คนๆ นี้คือคนที่ทำให้เค้าต้องใช้ชีวิตในแบบนี้อยู่ทุกๆ วัน คนที่เค้าเฝ้าถามใจตัวเองว่า ควรหรือไม่ที่ต้องเป็นแบบนี้!!!
          “เคตะ....” “เฮ้... ไหงทำหน้ายังกะเห็นผีแบบนั้นล่ะ ชั้นยังไม่ได้ทำอะไรสักหน่อย ไม่เจอกันมานานน่าจะทำหน้าดีๆ กว่านี้หน่อยนะ หรือไม่ก็วิ่งเข้ามากอด พร้อมพูดว่า ดีใจจังที่ได้เจอนาย อะไรแบบนี้ ไม่ได้หรือไง” เจ้าหนุ่มน้อยยังคงความทะเล้นไม่เปลี่ยนแปลง
          “พูดมากเหมือนเดิมเลยนะนายน่ะ… “ “อะไรกัน.. ชั้นเหรอพูดมาก มานี่ชั้นเพิ่งพูดกับนายแค่ประโยคเดียวเองนะ ริวจิจัง….” “อื่ม….” เมื่อต่างคนต่างไม่มีอะไรจะพูดเสียงรอบข้างก็ดูเหมือนจะเป็นใจพาลเงียบตามลงไปด้วย รอยยิ้มที่ระบายให้เห็นบนใบหน้าสวยบัดนี้ได้จางหายไปทีละน้อย พร้อมดวงตาที่ก้มหลุบลงต่ำเหมือนไม่อยากที่จะเงยหน้าขึ้นมองคนที่เค้าเองตั้งใจจะมาหา “พอดี…. วันนี้มีธุระแถวๆ นี้น่ะ ก็เลยแวะมา….” น้ำเสียงใสๆ เมื่อครู่พลันพูดอ้อมแอ้มอยู่ในลำคอ เหมือนไม่อยากจะให้เสียงที่เปล่งออกมานั้นได้ยินถึงคนตรงหน้า แต่เพียงเวลาไม่นาน เจ้าหนุ่มน้อยก็กลับยิ้มอีกครั้งพร้อมน้ำเสียงที่กลับใสขึ้นเหมือนดังเดิม
          “สบายดีหรือเปล่าเนี่ย… ชั้นว่า ดูนายโทรมลงไปเยอะเลยแฮะ นายไดเอทอยู่หรือยังไงกันเนี่ย ฮะๆ” เคตะหัวเราะร่วนพลางเดินวนรอบเพื่อสำรวจ “เพื่อน” ของเค้าให้ทั่ว “บ้าเหรอ… คิดอะไรแปลกๆ แล้ว… นายล่ะสบายดีมั้ย” “อื่ม… สบายดี ชั้นพยายามสนุกกับงานเหมือนอย่างที่นายเคยบอกไว้ ใช้งานให้เป็นอิสระกับตัวเอง … ชั้นทำได้นะ เป็นไงเก่งใช่มั้ยล่ะ?” ร่างบางหัวเราะไปยิ้มไปพลางเล่าเรื่องต่างๆ นานของตนได้ไม่หยุดปาก แม้ไม่เจอกันนาน แต่ก็ยังพูดเก่งเหมือนเดิมไม่มีเปลี่ยน อืม… ดีแล้วหละที่เป็นแบบนี้ เห็นเจ้านี่ยิ้มได้ก็พลอยโล่งใจ สบายใจไปกะเค้าด้วย….
          “ริวจิจัง.. นายอย่าปล่อยให้ชั้นพูดอยู่คนเดียวแบบนี้สิ เหมือนคนบ้าชะมัดเลยแฮะ” จู่ๆ ก็ถูกท้วงติงขึ้นมาทำให้ร่างท้วมหันไปมองดวงหน้าหวานอีกครั้งพร้อมยิ้มบางๆ “ก็นายไม่เปิดโอกาสให้ชั้นแทรกเลยนี่ แล้วจะให้ชั้นพูดตอนไหนกันล่ะ เคตะ”
          “…ฮะๆ นั่นสินะ ตั้งแต่มาชั้นยังพูดไม่ยอมหยุดเลยนี่นา แล้วนายจะพูดตอนไหนได้ คิกๆ” ………….
          “นาย…. มาธุระแถวนี้จริงๆ น่ะเหรอ?” ….. “………….”
          “เคตะ….” ……. “………..”
          “เค….” “ใกล้มืดแล้ว ชั้นคงต้องกลับสักที เดี๋ยวรถที่รอจะเป็นห่วง ชั้น…” คำพูดที่ปกติมักพูดติดๆ กันกลับขาดห้วงหายไปในลำคอเป็นเวลาครู่หนึ่งแล้วกลับเปล่งออกมาอีกครั้งพร้อมกับที่ร่างบางเอามือล้วงเข้าไปในกระเป๋ากางเกงก้มลงมองพื้นดินพลางใช้เท้าข้างหนึ่งเตะหินที่อยู่แถวนั่นเล่นไปมา
          “ดีใจนะที่วันนี้มาแล้วได้เจอกับนาย ….. นายยังเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนเลยจริงๆ ….ยังไงก็ขอบคุณที่ดูแลชั้น แล้วก็ขอโทษด้วยแล้วกันที่ไปโดยที่ไม่บอก แต่ยังไงนายก็เคยบอกนี่นาว่า ชั้นเป็นอุปสรรคที่พระเจ้าส่งมากลั่นแกล้งนาย ชั้นออกมาได้นายก็คงจะผ่านการทดสอบจากท่านไปขั้นนึงแล้วหละนะริวจิจัง” เคตะเอียงคอมองดูอีกฝ่ายพร้อมรอยยิ้มอีกครั้ง “ดูแลตัวเองด้วยล่ะ ชั้นไปหละ ลาก่อน…” แล้วร่างบางก็หันหลังขวับเดินจากไปโดยที่ไม่เหลียวกลับมามองอีกเลย
           ….. หมายความว่าไง? … ที่บอกว่าวันนี้ได้เจอ…. หมายความว่านายเคยมาที่นี่หลายครั้งแล้วอย่างนั้นเหรอ? … แล้วไอ้คำบอกลาแบบนี้น่ะ จะไม่ได้เจอกันอีกแล้วใช่มั้ย? ต่อไปนี้ชั้นจะไม่ได้เห็นรอยยิ้มสวยๆ นั่นใกล้ๆ ไม่ได้ยินเสียงหัวเราะร่วนอย่างมีความสุข ไม่ได้สัมผัสความอบอุ่นจากนายอีกแล้วอย่างงั้นเหรอ? นายจะไปจากชั้น เหมือนเมื่อครั้งก่อนใช่มั้ย…. ไม่.. ชั้นไม่อยากที่จะต้องรู้สึกแบบเดิมอีกแล้ว บทลงโทษที่เจ็บขนาดนั้นมันมากเกินกว่าที่ชั้นจะรับได้อีกต่อไปแล้ว ยิ่งได้เห็นนายวันนี้ก็ยิ่งทำให้รู้ว่าตัวชั้นมันทำผิดพลาดกับชีวิตตัวเองครั้งใหญ่หลวง ชั้นจะไม่ยอมทำความผิดอีกเป็นครั้งที่สองอีกแล้ว ชั้นปล่อยนายไปไม่ได้ ปล่อยไม่ได้…… ไม่อยากเสียไป ชั้นไม่อยากเสียนายไปอีกแล้วจริงๆ…..
          “you can take me to heaven
          เธอจะพาชั้นข้ามผ่านไปสู่สรวงสวรรค์…..
          ได้โปรดมอบปีกของเธอให้แก่ชั้น พาชั้นบินออกไป
          เธอคือเทพธิดาของชั้น… you’re my angel”

          เสียงเพลงที่ชอบจู่ๆ ก็ดังแว่วแผ่วผิวมาจากทางด้านหลัง ทำให้ร่างบางที่กำลังจะเดินจากไปต้องชะงักฝีเท้าลงพร้อมกับที่เสียงร้องเพลงนั้นดังใกล้ตัวเข้ามาทุกที… ทุกทีริวอิจิเดินตรงเข้ามาหาพร้อมร้องเพลงท่อนสุดท้ายด้วยน้ำเสียงที่สั่นพร่า

          “ไม่ว่าเวลาใด ชั้นคิดถึงแต่เธอ
          อยากพบกับเธอ
          แม้จะเป็นที่ไหนๆ เวลาใด หรือแม้ยามต้องจากไกล…
          ชั้นอยากอยู่ใกล้ๆ เธอ ชั้นจะอยู่ใกล้ๆ กับเธอ”

          ร่างเล็กบอบบางหันหลังกลับไปมองอีกฝ่ายช้าๆ ด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้มที่ทำเอาอีกฝ่ายแทบจะทรุดลงไปกองกับพื้น “ทุเรศน่า… ไหนบอกว่าให้ตายก็จะไม่มีวันร้องเพลงนี้ไงล่ะ…. เจ้าบ้า…” เคตะหัวเราะร่วนพร้อมโผเข้ากอดร่างตรงหน้าจนแน่น “แล้วนายจะให้ชั้นทำยังไงได้เล่า… ก็นายเล่นมาบอกลากันแบบนี้แล้วก็จะไปซะเฉยๆ จะให้ชั้นทำอะไรได้อีกล่ะ คิดไม่ออกโว้ย” อายก็อายเกิดมาไม่เคยทำอะไรแบบนี้ยังจะมาถูกหัวเราะเยาะอีก คนเค้าอุตส่าห์ร้องเพลงให้แล้วยังจะมาขำอีก “คิกๆๆ เสียงนายตลกเป็นบ้า เพลงชั้นออกจะเพราะร้องซะเสียเลย ไม่เอาไหน ริว อะ..อุ๊บ!”
          ริมฝีปากสีแดงเรื่อที่กำลังเอ่ยขานเจื้อยแจ้วถูกหยุดลงด้วยริมฝีปากชื้นอุ่นของอีกฝ่าย โดยที่ไม่ทันได้ตั้งตัว แต่นั่นก็ได้ผลชะงักนักร่างบางในอ้อมกอดเงียบเสียงลงได้ในทันทีพร้อมจ้องมองกลับด้วยดวงตากลมใส “ชั้นรักนาย..” “….อะ…อะไรนะ….” “ชั้นรักนาย เคตะ” เพียงแค่ได้ยิน รอยยิ้มกว้างขวางก็กลับคืนมาในทันที ความอบอุ่นเริ่มก่อเกิดในหัวใจดวงน้อยอีกครั้ง “คิดว่าจะไม่ได้ยินคำๆ นี้จากปากของนายแล้วซะอีก” ร่างบางยิ้มร่าอีกครั้ง
          “… ชั้นก็คงจะพูดได้แค่ครั้งเดียวนี่แหละ ….” …. “แต่ชั้นอยากได้ยินอีกนี่นา”
          “….” ….. “ริวจิจัง… ชั้นอยากฟังที่ริวจิจังพูดเมื่อกี้อีกนี่”
          “เหอะๆๆ ครั้งเดียวก็พอแล้ว..” “แต่ชั้นอยากฟัง”
          “นายจะกลับแล้วไม่ใช่เหรอ” …. “อื่มว่าจะกลับ แต่ พูดอีกทีก่อนได้มั้ยล่ะ”
          “กลับไปก่อนเถอะดึกแล้ว” …. “ก็พูดสักทีสิ ชั้นจะได้กลับ”
          “เบอร์มือถือมา เดี๋ยวโทรไปหา” …. “ไม่ให้ๆ พูดมาก่อนสิว่ารักชั้นน่ะ”
          “… ชั้น… ร.. โว้ย พอที เลิกวุ่นวายได้แล้ว นายจะถามให้ได้อะไรขึ้นมาเนี่ย!!!”
          “ก็จะฟังนี่” …..” ก็บอกว่าไม่พูดๆๆ “ “ก็ชั้นยังอยากฟังอยู่นี่…………” …..

          นี่แหละครับเรื่องของผม…. ตัวผมเองก็คิดว่ามันน่าจะจบอยู่แค่ที่พวกเราแยกจากกันไปตามทางของเราเหมือนกัน แต่ผิดคาด… ผมบอกแล้วไงล่ะครับว่า ในโลกนี้มีทั้งโชคชะตาและปาฏิหารย์ เรื่องราวของผมก็อาจเรียกได้ว่าเป็นอีกตัวอย่างหนึ่งที่สามารถเกิดขึ้นได้ ใครเลยหละครับจะสามารถกำหนดกฎเกณฑ์สิ่งต่างๆ เหล่านี้… ดูเหมือนเรื่องจะลงเอยที่น้ำตา แต่สุดท้ายก็กลับพลิกผันให้ได้ยิ้ม ได้หัวเราะไปกับชีวิตอีกครั้ง
          อื่ม…. ดังนั้น อย่าคิดว่าชีวิตคุณจะจบลงในแบบที่คุณคิดเสมอไป บางครั้งมันอาจพลิกกลับมาในแบบตรงกันข้ามกับที่คุณรู้สึกก็เป็นได้ ตอนนี้ตัวผมเองก็รู้ซึ้งดีทุกอย่างแล้ว ทั้งเรื่องของตัวเองและเรื่องของชะตา แล้วตัวคุณเองล่ะ คุณคิดว่า ชะตาชีวิตของตัวเอง จะเป็นในรูปแบบไหนกันล่ะครับ สุขหรือทุกข์ …. เหงาหรือว่าเศร้า…. มีน้อยคนนักที่จะโชคดีอย่างผม แต่ผมก็หวังว่า เรื่องดีๆ เหล่านี้คงเกิดขึ้นกับพวกคุณๆ บ้างหละนะครับ

Never Ending Story…. Close to you
โองาตะ ริวอิจิ

From mrs.tachibana
          จบแล้วค่ะ จบจริงๆ จบโดยสมบูรณ์แบบ ไม่มีหลอกกันอีกแล้ว ^^ ฮี่ๆๆๆ ก็นะคะ ก่อนอื่นที่ต้องขอโทษก่อนเลยก็คือสำหรับคนที่ชอบเรื่องแบบ sad story เพราะพี่เขียนเรื่องแบบนั้นไม่เป็นอ่ะ พี่เป็นแต่แบบ Happy Ending เป็นคนที่ไม่คิดว่าจะเขียนเรื่องแนวโศรกเลยจริงๆ ส่วนสำหรับคนชอบแบบ Happy Ending ก็ต้องขอโทษเช่นเดียวกันที่ทำให้ในตอนที่ 6 ทำซะเหมือนว่ามันจบแต่จริงๆ ไม่จบ แหะๆ สรุปแล้วขออภัยหมดทุกคนที่อ่านเลยแฮะ
          ก็อย่างที่ริวอิจิเค้าพูดแหละค่ะว่า อะไรๆ ในโลกล้วนไม่เที่ยงมันสามารถพลิกผันได้เสมอ เรื่องที่ว่าจะเศร้าๆ จู่ๆ ก็ดันโผล่มาอีกตอนเสียได้ ^^ ไงก็ขอให้มีความสุขมากๆ ในการอ่านฟิคแล้วกันนะคะ ขอบคุณมากค่าาาาที่ติดตามอ่าน ขอบคุณๆ พบกันใหม่ในฟิคเรื่องหน้านะคะ (เรื่องเก่ายังไม่ทันเสร็จ จะมีเรื่องใหม่อีกแล้วเรอะเนี่ย ^^’’)

with love from meichan or mrs.tachibana


contact to me
name:
email:
Subject:
Message

 

Close to you 1 / 2 / 3 / 4 / 5 / 6 /

©2002 by Feel To w-inds.All right reseved.