ทฤษฎีโลก กฎธรรมชาติ …ของ วายส์

(ทฤษฎีที่จะเปลี่ยนแปลงการมองโลกนี้ และรวมเป็นหนึ่งเดียวกัน)

ทฤษฎีคือแนวความคิด ทุกคนมีสิทธิที่จะเสนอทฤษฎี แต่สิ่งสำคัญคือ เหตุผลของทฤษฎี ที่ท่านเองควรพิจารณา

ทุกอย่างเป็นไปตามกฎธรรมชาติ ไม่มีพระผู้สร้างโลก ไม่มีพระเจ้าเหนือชีวิต !!!

ศาสตร์ หรือ วิชา ความรู้ต่างๆในโลกมีมากมาย เช่น คณิตศาสตร์ แพทยศาสตร์ เศรษฐศาสตร์ ศาสนศาสตร์ วิทยาศาสตร์ เป็นต้น

[--------- โลก ---------]

มนุษย์เกิดมาจาก -------> ธรรมชาติ มนุษย์ ต่าง แสวงหา และค้นพบวิชา หรือ หลักการต่างๆมากมาย

พิจารณาศาสนา -------> ศาสนาต่างๆ ค้นหา หรือแสวงหา หนทางของ คุณงานความดี และ ชีวิตหลังความตาย

สิ่งที่ยอมรับในโลกปัจจุบัน

- ผีมีจริง ทั่วโลกยอมรับ วิทยาศาสตร์พิสูจน์แล้วว่ามีจริง แต่อธิบายการมีจริงได้ไม่ชัดเจน

- กลับชาติมาเกิดมีจริง นักวิทยาศาสตร์ยอมรับ

- ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว ตะวันตกลงเอยด้วย คำว่า เดี๋ยวพระเจ้าจะลงโทษ

สิ่งเหล่านี้ ได้รับการพิสูจน์แล้วว่า มีจริง แต่ ไม่สามารถ อธิบายด้วยเหตุผลทางวิทยาศาสตร์ได้ สรุป วิทยาศาสตร์ยังล้าหลัง ยังเข้าไม่ถึง หรืออธิบายไม่ได้ว่า ความมีอยู่จริงนี้ เกิดขึ้นได้อย่างไร และนั่นคือ การมองในแนวทางวิทยาศาสตร์ ศาสนา ทุกศาสนาสอนให้คนเป็นคนดี แต่ มีศาสนาหนึ่ง ที่เน้น ถึง การเวียนว่ายตายเกิด และหนทางของการหลุดพ้น ทำไม ศาสนาพุทธ ถึงกำหนดว่า ต้องมี พระ พระต้อง อาศัยอาหารจากชาวบ้าน โดยพระไม่ต้องทำงานทำการ พุทธศาสนา คือ ศาสนาเดียว ที่มีสิ่งนี้ ถามว่า ทำไม ?………. พิจารณา ถ้าท่านเป็น ผู้ที่ พยายามค้นหาหนทางของ การดับทุกข์ ค้นหาหนทางของการ หลุดจากการเวียนว่ายตายเกิด เหมือนศาสดาของพุทธศาสนา หมายความว่า ท่าน มีความสุขทุกอย่าง แต่ ท่านก็เห็นว่า สุขแค่ไหนก็ต้องทุกข์ สุขในรัก ทุกข์ใจที่เป็นห่วงคนรักตลอดเวลา สุขใจในชื่อเสียง ทุกข์ใจที่ต้องคอยรักษาไว้ และท่านยัง เห็น คนเกิด แก่ เจ็บและตาย เห็นความเป็นไปของธรรมชาติ เห็นคนสูงสุด เห็นคนต่ำสุด ทำไมคนไม่เท่าเทียมกัน !!! ….. เกิดอาการเบื่อทุกอย่าง และ ค้นหา หนทางของการหลุดจากสิ่งเหล่านั้น !!!!!!!!!!!!!!!

ศาสดาของทุกศาสนา ไม่ใช่เจ้าของโลก ไม่มีใครเป็นหนึ่ง แต่ละท่าน เป็นเพียง นักคิดค้นเท่านั้น!!!!

โทมัส เอดิสัน คิดหลอดไฟฟ้า พี่น้องตระกูลไรท์คิดเครื่องบิน มีมั้ย ที่จะมีใครกราบไหว้เอดิสัน ก่อนเปิดไฟ มีมั้ย กราบไหว้ พี่น้องตระกูลไรท์ ก่อนขึ้นเครื่องบิน มนุษย์แต่ละท่าน แค่เอาผลงานที่เกิดจากท่านเหล่านั้น ไปใช้ประโยชน์ เพราะฉะนั้น หากมองกลับเรื่องของศาสนา ศาสดาคือนักคิดค้นเท่านั้น!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!! ศาสดาไม่ใช่เจ้าชีวิตใคร เวลาท่าน พบเจอแต่ เรื่อง "ซวยๆ" ในชีวิต โปรดอย่าโทษ ศาสดาว่า ทำไมต้องทำให้เกิดสิ่งเหล่านั้น เพราะ ทุกอย่างเกิดจาก กฎธรรมชาติ ศาสนดา เป็นเพียง นักคิดค้น ที่ค้นพบ แล้วเอามาเผยแพร่ ศาสดาช่วยท่านไม่ได้ เป็นไปตามกฎที่ค้นพบ ไม่มีใครช่วยท่านได้ ทุกอย่างเป็นไปตาม กฎธรรมชาติ แต่ ข้อแต่ต่างของพุทธศาสนา คือ มีหนทางหลุด กฎการเวียนว่ายตายเกิด คิดค้นหลักการหลุดพ้นวงเวียน ศาสดาบอกไว้ว่า อยากหลุดวงเวียน ต้อง ตัดกิเลสต่างๆ ความอยากได้อย่างมี ความอยากทุกๆอย่าง เมื่อปราศจากความอยาก ท่านจะไม่มีความอยากที่จะต้องมาทำต่อๆไป ในชาติต่อๆไป และศาสดา ปูทาง ไว้ด้วย วิถีทางของผู้ที่อยากหลุด ด้วยการ ..แนะนำให้ เป็น ผู้ที่หาค้นหาทางหลุดเหล่านี้ โดยไม่มีพันธะทางสังคมในการหาเลี้ยงชีพ เหลือพันธะอย่างเดียวคือการ ประทังชีพ ด้วยการ อาศัยอาหาร จากผู้ที่เข้าใจ สิ่งเหล่านี้ เพื่อให้ชีวิตอยู่ได้ และตัดกิเลสต่างๆได้ เพื่อตัดขาดวงเวียนต่างๆ

* เพราะฉะนั้น เลิกคิดได้แล้ว ว่าพระที่ทำชั่ว ทำให้ศาสนาเสื่อม ศาสนาไม่เคยเสื่อม คนโง่เองที่ไม่รู้จักศาสนา พระโง่เองที่ไม่รู้จักศาสนา ผู้แทนศาสนา ที่ไม่เข้าใจศาสนา โง่เอง และ ศาสนา ไม่ใช่อยู่ใน ตำราคำสอนที่ถ่ายทอดมา ศาสนาอยู่ที่ ใจ อยู่ที่ การใช้สมองในการพิจารณา สิ่งที่ถูกที่ควร

* สำคัญที่สุด เลิกคิดได้แล้วว่า ทำไม ศาสดา ถึงลงโทษ ทำไมศาสดา ไม่ช่วย ตนแลเป็นที่พึ่งแห่งตน ศาสดาเป็นผู้ค้นพบกฎ แล้วนำมาสอน ถ้าไม่เข้าใจกฎ ก็คงไม่เข้าใจว่า ศาสดาช่วยไรไม่ได้ นอกจากแนะนำแนวทาง เท่านั้น…

* ทุกอย่าง เป็นไปตามกฎธรรมชาติ ที่ มนุษย์ ต่างๆ พยายามค้นหา สิ่งเร้นลับต่างๆ ศาสดา ก็เป็นหนึ่งในผู้ค้นพบเท่านั้น อยากได้ดี ท่านต้องทำเอง…

คนเราส่วนมาก ยึดศาสดาของตัวเองแล้วก็ไหว้กันจัง ให้ท่านช่วย นู้นช่วยนี้ ทำอะไรไม่ได้ อยากได้อะไรก็ หวังพึ่งแต่ศาสดาอยู่ร่ำไป ทั้งๆที่ไม่รู้จักช่วยตัวเอง เพราะคนเรายึดติดกับศาสนามากเกินไป ศาสนาคือวิชา ที่กำเนิดมาเป็นพันปี ไม่มีการพัฒนา คนเราก็งมงายแต่ หวังพึ่งความเชื่อเก่าๆ เกร็ดเล็กๆที่ไม่รู้ถูกเติมแต่ง หรือเป็นความจริงแท้มากแค่ไหน หมายถึง เราพยายามค้นหาพิสูจน์อยู่นั่นแหละว่า ควรทำอย่างไรให้เป็นไปตามกฎศาสนา ไม่ดูภาพรวม แล้วพัฒนาเลย

ภาพรวมคือ ศาสนาสอนให้ทำความดี แต่สมัยนี้ บูชาศาสดา จนทำให้โลกนี้เกิดการแตกแยก แบ่งแยก ถ้าคนเรา เห็นศาสดา คือผู้ค้นพบกฎธรรมชาติ ---> การพัฒนาต่อไป คือการนำกฎธรรมชาตินั้นๆ มาวิเคราะห์ สรุปหาความจริงแท้ แนวทางปฏิบัติ เพื่อรวมเป็นหนึ่งเดียวกันทั่วโลก

สำหรับเรื่องของ วิชา ไสยศาสตร์ ซึ่งเป็นวิชาที่ เกี่ยวกับ จิตหรือ หลักการบางอย่าง ที่ไม่เกี่ยวกับศาสนาโดยตรง ซึ่งศาสตร์นี้ เป็นที่มาของการ หวังพึ่งภูติผีปีศาจ ให้ช่วยเหลือต่างๆ นานา รวมถึงการใช้ปฏิหาริย์ต่างๆ ในทางดีหรือไม่ดี จากผู้ที่ยังมีชีวิตอยู่ หรือผู้ที่มีการเป็นอยู่ หลังจากตายแล้ว ที่เรียกว่าภูติผี หรือเทวดา หรือการทำร้ายกันต่างๆ ด้วยวิชาอาคม หรือ สงครามพลังจิต นั่นเอง แต่ สิ่งเหล่านี้ ก็ไม่พ้น การลงโทษด้วยกฎธรรมชาติ ข้อที่ว่าด้วยกฎแห่งกรรม วนเวียนไม่รู้จบ

โลกใบนี้ อยู่ได้ด้วยกฎธรรมชาติ กำหนดทั้งสิ้น

ธรรมชาติสร้างความแตกต่าง ความแตกต่างโดยไม่แตกแยก ไม่นำพาสู่สงครามในทุกรูปแบบ

สมฉัตรชัย งามดี

10 สิงหาคม 2546