อะไรคือ Visual Basic?

        Visual Basic เป็นภาษาโปรแกรมภาษาหนึ่ง พัฒนาโดยบริษัทไมโครซอฟท์ บรรจุอยู่ภายใต้ผลิตภัณฑ์ชุดหนึ่งชื่อว่า Microsoft Visual Studio

เรานิยมเรียกย่อๆ ว่า VB ภายในชุดของเจ้า Microsoft Visual Studio นี้ ประกอบไปด้วยภาษาต่างๆ หลายภาษา แยกแยะกันไปตามความสามารถและความถนัด

ของมัน ได้แก่

                1.Visual Basic

                2.Visual C++

                3.Visual FoxPro

                4.Visual InterDev

                5.Visual J++

                6.Visual SourceSafe

       วัตถุประสงค์ ก็คือ ต้องการให้เป็นภาษาที่ใช้สำหรับพัฒนาโปรแกรมหรือแอปพลิเคชั่น ที่ทำงานภายใต้ระบบปฏิบัติการ Windows และ Windows NT

การใช้งาน Visual Basic นั้นค่อนข้างง่าย โปรแกรมเมอร์สามารถวาดและวางองค์ประกอบต่างๆ บนหน้าจอเพื่อติดต่อกับผู้ใช้ (User Interface)ได้ตามต้องการ

 เมื่อวาดหน้าจอได้เสร็จก็เขียนโปรแกรมซึ่งเป็นลักษณะแบบมีโครงสร้างทางภาษาคล้ายคลึงกับภาษาอังกฤษ เพื่อเป็นการเชื่อมโยงความสัมพันธ์ขององค์ประกอบ

 แต่ละตัวบนหน้าจอเข้าด้วยกัน ให้ทำงานอย่างสัมพันธ์กัน ตามที่โปรแกรมเมอร์ต้องการ ตามหลักการของ Object-Oriented นั่นเอง

        Microsoft Visual Studio ได้พัฒนามาถึง Visual Studio98 แล้ว และ VB ที่บรรจุอยู่จะเป็น Version 6.0 ซึ่งไมโครซอฟท์พูดได้เต็มปากว่า VB6.0 นี้

เป็น Object-Oriented ขนานแท้ (เพราะ VB5.0 ยังจัดเป็นกึ่ง Object-Oriented อยู่) แม้ว่าปัจจุบันจะมีข่าวคราวของ VB7.0 แพลมออกมาบ้างก็ตาม

 ตามเว็บไซต์ต่างๆ แต่ไมโครซอฟท์ก็ยังไม่เปิดตัวอย่างเป็นทางการ อาจเป็นเหตุผลทางการค้าและการตลาดก็เป็นได้

* Object-Oriented พูดกันง่ายๆ คือ การมององค์ประกอบต่างๆ ทุกๆ องค์ประกอบในตัวโปรแกรมเป็นเพียงวัตถุ วัตถุหนึ่ง ซึ่งมีคุณสมบัติแต่ละตัวแตกต่างกันไป


อย่างนี้… ใครควรเรียนรู้ VB บ้าง?

        ก็ผู้ที่สนใจทั่วๆ ไป ผู้ที่มีความต้องการที่จะเขียนโปรแกรมบน Windows นักเรียน นักศึกษา ขอให้มีพื้นฐานทางด้านการใช้ Windows และการเขียนโปรแกรม

มาบ้าง พอสมควร   แต่สำหรับผู้ที่ไม่เคยเรียนรู้มาก่อนก็สามารถทำความเข้าใจได้เช่นกัน แต่ทั้งนี้ก็ต้องอาศัยการศึกษาหาความรู้พื้นฐานต่างๆ การขยันอ่านหนังสือ

เพื่อทำความเข้าใจให้มากๆ เพราะว่าปัจจุบันนี้ อาชีพโปรแกรมเมอร์ไม่ได้ถูกจำกัดอยู่แต่ในวงการของผู้ที่จบคอมพิวเตอร์สายตรงแต่เพียงอย่างเดียว   มีหลายคนที่จบมา

ทางแพทย์ วิศวะ บริหารธุรกิจ เศรษฐศาสตร์ นิติศาสตร์ ฯลฯ เป็นจำนวนมากที่เขียนโปรแกรมกันได้เก่งๆ ฝีมือระดับโปร บุคคลเหล่านี้อาศัยการเรียนรู้และฝึกฝนกันทั้งนั้น

 เพราะว่าพวกเขารักและมีความมานะพยายามตั้งใจจริงกับมัน


แล้วอ่านเอง ศึกษาเอง ได้หรือเปล่า?

        ตอบว่าได้ คุณก็หาตำหรับตำราที่ดีหน่อยหลายๆ เล่ม หาเวลาบังคับตัวเองให้หมั่นศึกษาหน่อย ก็ได้เช่นกัน เพียงแต่ว่าการเข้าอบรมนั้นจะทำให้คุณไปได้เร็วขึ้น

 มีเพื่อนร่วมวงการมากขึ้น เป็นพื้นฐานให้ไปศึกษาและเรียนรู้เพิ่มเติมต่อไป ไม่ว่าจะศึกษาเอง หรือว่าไปอบรมในขั้นที่สูงกว่าก็ตาม ยุคนี้ ไม่มีแล้วที่จะเป็นพระเอกประเภท

One man show  ไม่มีใครรู้ไปซะทุกเรื่องหรอกน่า คุณว่าจริงมั๊ย?   ทุกวันนี้เขาทำงานกันเป็นทีม (ขนาดเป็นทีมเนี่ย! ยังไม่ค่อยจะรอดกันเลย…) แน่ล่ะ!

มันมีเรื่องที่เราไม่รู้ แต่เพื่อนรู้ มันมีเรื่องที่เรารู้ แต่เพื่อนไม่รู้ การเข้าอบรมเป็นการเพิ่มโลกทัศน์ให้ตัวเอง ให้กว้างขวางกว่าเดิม(จากที่กว้างขวางอยู่แล้ว)

 เพิ่มเพื่อนไว้แบ่งปันความรู้กัน ไว้แลกเปลี่ยนประสบการณ์ซึ่งกันและกัน เป็นการบังคับตัวเองให้ใส่ใจในการเรียนรู้ …

        อย่างไรก็ตาม การเข้าอบรมก็ไม่ได้หมายความว่าจะทำให้คุณกลายเป็นคนเก่งขึ้นมาได้ในพริบตา หรือในระยะเวลาอันสั้นหลังจบคอร์สหรอกนะ คุณต้องฝึกฝน

 เอาจริงเอาจัง และลุยต่อไป มันเป็นเพียงบันไดก้าวหนึ่งเท่านั้น


ค่าอบรม กับ สิ่งที่ได้รับ คุ้มมั๊ย?

        ของดีราคาถูก ไม่มีหรอกครับ แล้วก็จะให้ดีถูกใจไปทุกอย่างก็หามิได้อีกเช่นกัน ถ้าถามผมว่าเข้าอบรมจะคุ้มมั้ย? ผมก็บอกว่าคุ้มครับ คุ้มค่าเงินที่จะจ่ายเพื่อแลกกับ

ความรู้ แลกกับการรู้จักเพื่อน แลกกับโอกาสในอนาคต หากว่าจะเปรียบเทียบกับที่อื่นๆ ที่มีการเปิดอบรมเหมือนกัน ราคาที่ผมตั้งไว้นี้ ผมว่าไม่แพงนะ ก็อยู่ประมาณกลางๆ

แต่ก็ไม่ถูกขนาดติดดิน (บอกแล้วไง ของดีราคาถูกนั้นไม่มี) เนื่องจากผมต้องมีค่าใช้จ่ายสูง เราไม่ได้มีสถานที่เป็นของตัวเอง ต้องเช่า ต้องจ้างคน จะกดราคาให้ต่ำ

เหลือคอร์สละ 1200, 1500 ก็ต้องมีคนอบรมซัก 2-300 ร้อยคนแหละครับ ถึงอยู่ได้ พูดกันตรงๆ ครับว่าผมเสี่ยงดวงเอา ก็ขอความกรุณากันหน่อยครับ

        เนี่ย ผมลดราคาได้เต็มที่แล้ว   จริงๆ กิจกรรมนี้เสี่ยงพอตัวเลย ก็ท่านอาจารย์ที่รู้จัก ที่เคารพ อีกทั้งเพื่อนๆ กับน้องๆ เขาอยากให้ลองทำดู ลองเปิดสอนถ่ายทอด

ความรู้ ให้กันดูบ้าง (สงสัยมาถามบ่อยๆ เลยเกรงใจ.. ฮ่าๆๆ) ผมก็บ้ายุครับ เลยทำซะจริงๆ ! เรียกว่า ถ้าคราวนี้ผมคำนวณเงินพลั้งพลาดอะไรไป คงต้องให้เพื่อเป็น

วิทยาทานแล้วล่ะครับ… (แล้วค่อยหาเงินใช้หนี้ทีหลัง..)


ทำไมต้อง VB …

        ผมเป็นโปรแกรมเมอร์อิสระมาก็นานพอสมควร ตั้งแต่สมัยเรียน ไปเป็นอาจารย์พิเศษบ้าง ที่ปรึกษาตามบริษัทต่างๆ บ้าง ยุคแรกๆ ก็ใช้พวก For DOS ได้แก่

PASCAL, FORTRAN, TURBO C++, ASSEMBLY, CLIPPER , ตระกูล FOX ทั้งหลายแหล่ ผมก็ใช้มันไปเรื่อยน่ะครับ ไม่ได้มีอะไรยึดติดไว้

เป็นภาษาหลักตายตัว แล้วแต่ความเหมาะสมกับงาน (เดี๋ยวนี้ลืมหมดแล้ว…ไม่ได้ใช้นาน) มาหลังๆ นี่ชักไม่ไหว ไมโครซอฟท์เริ่มตีตลาดหนัก ผมก็เลยกะว่าจะยึดไว้หากิน

เป็นเรื่องเป็นราวซักภาษานึง มองไปมองมาหันมาเอา VB นี่ล่ะครับ   ก็คิดว่ามันเป็นของไมโครซอฟท์ ตัว Windows เองก็เป็นระบบปฏิบัติการ (OS) ของไมโครซอฟท์

มันน่าจะเข้ากันได้ดี อีกอย่างประเทศเราก็แทบจะเป็นทาสไมโครซอฟท์อยู่แล้ว ที่ไหนๆ ก็ใช้ Windows บริษัทต่างๆ คงจะใช้ VB กันมาก เราก็มีโอกาสที่ไม่น่าจะตกงาน

(นี่คิดเอาเองนะ ตามประสาคนโง่..) ผมก็เลยไม่เลือก Delphi ของค่าย Borland แต่เพื่อนผมคนหนึ่งเลือก Delphi เพราะว่าเขาใช้ PASCAL เป็นภาษาหลักมาก่อน

(Delphi ใช้ Source code คล้าย PASCAL) บอกได้เลยว่าคนนี้เป็นสุดยอด Delphi ประจำภูมิภาคเอเซียตะวันออกเฉียงใต้เลยล่ะ ขออนุญาติเอ่ยนามหน่อย

ชื่อคุณจิรายุ แห่ง Software Mission ครับ

        จะเห็นแล้วใช่มั๊ยครับว่า ไม่จำเป็นที่จะต้องเป็น VB เท่านั้น ภาษาอะไรก็ได้ที่คุณถนัด หรือชอบ แต่ถ้าเริ่มศึกษา VB จะง่ายกว่าภาษาอื่นก็ตรงที่มันคล้ายภาษาอังกฤษ

ธรรมดาที่เราใช้อยู่นั่นแหละครับ ต่างกันไม่มาก (Source code เป็นภาษา Basic) เลยทำให้เราเรียนรู้ได้เร็วนั่นเอง


อยากรู้จักทีมงาน…

        แหม! มีคนมาตั้งคำถามครับว่าผมเป็นใคร มาจากไหน ทำนองว่าน่าเชื่อถือหรือเปล่า? ที่สำคัญ เก่งมั๊ย? สอนได้จริงเหรอ? ก็แล้วแต่จะคิดครับ ที่เขาลือกัน มันก็ข่าวลือ

 อย่าไปยึดติดกับมัน ผมไม่เก่งหรอก มีคนเก่งกว่าผมเยอะแยะไปครับ มันเป็นความเชื่อส่วนบุคคล ฮ่าๆๆ ผมก็ไม่ได้มี Certificate จากไมโครซอฟท์ด้วย ไม่ได้สอบกับเขา 

ถึงสอบก็ไม่รู้จะได้หรือเปล่า? ฮ่าๆๆ   ผมจบจากรามคำแหง ทีมงานโดยมากก็จบจากรามคำแหงครับ ซ่อมเครื่อง เขียนโปรแกรมกันมานานพอตัว ก็รวมตัวตั้งทีมกันขึ้นมา

ใช้ชื่อว่า  "P&B Software"  รับเขียนโปรแกรมบ้าง เป็นที่ปรึกษาบ้าง โดยมากพวกเรารับงานอิสระทั่วๆ ไปครับ ที่งานไม่ใหญ่มาก พอทำไหว งานไหนทำไม่ได้ หรือ 

เวลาไม่พอ ไม่อำนวยก็ไม่รับ เพราะถ้ารับแล้วทำไม่ได้ ก็เสียชื่อทีมหมด เวลามันเสียเนี่ย มันเสียกันทั้งหมดเลย เอาเป็นว่าถ้าคุณเป็นนักศึกษารามคำแหง คงคุ้นหน้าคุ้นตา

รุ่นพี่ๆ กันบ้างล่ะ ไว้ตอนคุณเข้าอบรม คุณจะเห็นเองก็แล้วกัน… ขออุบไว้ก่อนนะ

        แต่ที่แน่ๆ พวกเราน่ะเต็มที่ คุณก็ต้องช่วยตัวเองด้วยเช่นกัน เปิดอบรมคราวนี้  เราไม่แค่อยากให้คุณ แค่ทำได้   แต่เราอยากให้คุณนั้น "ทำเป็น"


ขอบคุณทุกท่านที่ทนอ่านมาจนจบนะครับ... / ธนกร  ช่อไม้ทอง  [ HOME ]