ตำนานช้างงู
คำว่า ช้างงู
ได้ชื่อมาจาก "ดอยช้างงู"
ในตำนานเชียงแสน
ซึ่งมีเรื่องตอนหนึ่งเกี่ยวข้องกับการที่ฟื้นเมืองเชียงแสนโดยกล่าวว่าเมื่อพระองค์พังครองเมืองเชียงแสนอยู่นั้น
ก็ได้ถูกพวกขอมดำชิงเมืองในศักราช
๒๙๗
พระองค์พังและราชเทวีถูกเนรเทศไปเป็นนายบ้านเวียงสี่ทวงและต้องส่งส่วยแก่ขอมทุกปี
เมื่อพระโอรสชื่อพรหมกุมารเจริญวัยขึ้นแล้วก็ได้สะสมอาวุธคิดชิงเมืองคืน
เมื่อพรหมกุมารมีอายุได้ ๑๓
ปีนั้น
เทวดาได้มาแสดงในความฝันว่าหากต้องการช้างวิเศษแล้วก็ให้ไปล้างหน้าที่แม่น้ำโขง
จะมีช้างเผือกสามเชือกล่องมาตามน้ำ
หากได้เชือกแรกแล้วจะสามารถปราบได้ทั้งจักรวาลหากได้เชือกที่สองจะปราบชมพูทวีปได้ทั้งหมด
แต่หากจับเชือกที่สามได้ก็จะปราบได้เพียงล้านนาทั้งหมดและขอมดำทั้งมวล
พรหมกุมารจึงตัดเอาขอไม้ไล่ไปล้างหน้าที่น้ำแม่ของหรือแม่น้ำโขงตามที่เทวดาบอก
คู่หนึ่งจึงมีงูตัวหนึ่งมีลวดลายเป็นด่างดวงมีขนาดเท่ายุ้งข้าวล่องลงมาตามน้ำ
พรหมกุมารและบริวารก็ได้แต่สั่นด้วยความกลัว
เมื่องูนั้นล่องน้ำไปแล้วสักคู่ก็มีงูอีกตัวหนึ่งมีลำตัวเป็นมันวับและมีขนาดเท่าต้นลานล่องมา
พรหมกุมารคิดว่าเทวดาบอกว่าจะมีช้างแต่ก็พบงูแทน
ซึ่งเทวดาคงจะหมายถึงงูนั้นจึงบอกบริวารว่าให้ช่วยกันกระโดดลงไปจับเอางูในลำน้ำ
งูเมื่อถูกจับก็กลายเป็นช้างและพรหมกุมารก็อาศัยช้างตัวนี้ขี่เข้าสงคราม
ซึ่งพอช้างของนายทัพขอมมองเห็นช้างของพรหมกุมารก็ล้มลงแล้วลุกเตลิดหนีพรหมกุมาร
ขับช้างไล่ติดตามพวกขอมดำไปจนถึงแดนเมืองละโว้
หลังจากการสงครามแล้ว
พรหมกุมารก็ได้คืนสู่เวียงพางคำ
พอปลดเครื่องศึกลงจากหลังช้างแล้ว
ช้างนั้นก็กลับกลายเป็นงูใหญ่ตามเดิมแล้วเลื้อยเข้าไปใน
"รูดอย" เสีย
คนทั้งหลายจึงเรียกดอยดังกล่าวว่า
"ดอยช้างงู".