แผ่นเสียงเพลงพื้นบ้านสมัยแรกเริ่มตอนที่ 2
เพลงพื้นบ้านเป็นเพลงที่ชาวบ้านเล่นกันในยามว่าง เมื่อเสร็จจากการงานประจำวันอันเป็นงานเกษตรกรรมที่ทั้งหนักและเหนื่อยแบบหลังสู่ฟ้าหน้าสู้ดิน หรือบางทีก็ร้องเล่นกันในเทศกาลต่างๆ โดยยึดเอาหลักการของความเรียบง่ายในการเล่นและหวังผลเป็นความสนุกสนาน โดยถึงเป้าหมายแห่งการสรวลเสเฮฮาไว้เป็นสำคัญ เพลงพื้นบ้านจึงยึดเอาคารมคมคายเป็นหลัก ไม่ต้องใช้ดนตรีดำเนินทำนองนอกจากเครื่องคุมจังหวะ
ในกระบวนเพลงพื้นบ้านทั้งหลายกว่า 50 ชนิด ที่เอนก นาวิกมูลรวบรวมไว้ในหนังสือเพลงนอกศตวรรษ ซึ่งพิมพ์มาแล้วสองครั้งและได้รับรางวัลหนังสือสารคดี ดีเด่นมาแล้วนั้น อเนกได้ให้ข้อสังเกตุไว้ ว่าเพลงพื้นบ้านมีความเรียบง่ายตรงที่ไม่ต้องการเครื่องดนตรีมาบรรเลงประกอบ เพียงใช้การปรบมือเป็นจังหวะใช้ปากร้อง และมีรำประกอบบ้าง ก็เล่นกันได้แล้ว ถ้าจะมีเครื่องดนตรีเครื่องดนตรีใช้บ้างก็ใช้ของง่ายๆเช่นฉิ่ง กลอง โทน รำมะนา การแต่งตัวก็แต่งอย่างธรรมดา ไม่ต้องรัดเครื่องอย่างละครไม่ต้องการโรงละคร เพียงล้อมวงบนพื้นดินหรือลานบ้าน หรือยกพื้นสักหน่อยก็เล่นเพลงพื้นบ้านได้แล้ว บทกลอนที่จะร้องเล่นก็ใช้ปฎิภาณคิดเอาทันทีทันควัน ไม่ต้องแต่งให้ยุ่งยากหรือรจนาเป็นกลอนที่มากด้วยระเบียบแห่งฉันทลักษณ์ ฯลฯ
ความมีเสน่ห์ของเพลงพื้นบ้านนั้นมีคารมอันคมคาย ซึ่งฝ่ายชายและหญิงจะต้องร้องแก้กัน หรือประชันขันแข่งในโวหาร และเพราะว่าไม่ต้องการพิธีรีตรองมา หวังให้คนฟังได้เฮฮาในเวลาอันรวดเร็ว ผู้เล่นเพลงก็จะต้องว่าฝ่ายตรงข้ามให้ถึงใจ ซึ่งอะไรก็ไม่ดีไปกว่าตั้งเรื่องขึ้นเป็นทำนองชู้สาวบ้าง เรื่องที่มีการหยิบยกความไม่ดีของอีกฝ่ายหนึ่งมาล้อเล่นหรือเลยไปจนถึงถ้อยความสองง่ามสองแง่ที่พาดพิงไปถึงเรื่องเพศ ตลอดจนเอาเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเฉพาะหน้าขึ้นมาว่ากันแบบกระแนะกระแหนก็ทำให้คนฟังถูกใจได้
เพลงพื้นบ้านนั้น ผู้ที่ไม่เข้าใจจุดประสงค์ที่แท้จริงของการเล่นเพลงมักจะกล่าหาว่าหยาบคาย ไม่สุภาพงดงามเช่นการละเล่นของผู้ดีมีเงินในรั้วในวังเขาเล่นกัน บางครั้งมีการดูถูกเหยียดหยามว่าเป็นเรื่องของไพร่ ไม่เหมาะสมกับผู้ดีซึ่งเป็นการเข้าใจผิด
สมัยรัชกาลที่ 5 ระหว่างพ.ศ. 2437-2440 อันเป็นระยะแรกที่มีการบันทึกเสียงเพลงลงในกระบอกเสียงแบบเอดิสัน นั้น เป็นของธรรมดาที่ว่า เครื่องบันทึกเสียงคงมีราคาแพงที่ผู้ดีมีอันจะกินเท่านั้นที่จะสามารถซื้อหามาไว้เล่นประดับเกียรติบารมีของตนได้ แต่ก็มีคนหัวใส ที่ลงทุนซื้อหามาแล้วยกเครื่องอัดเสียงนั้นออกไปให้ชาวบ้านได้สัมผัส และเพื่อที่จะให้ชาวบ้านได้สัมผัสตามที่นิยมกัน ท่านเหล่านั้นก็ให้บันทึกเพลงพื้นบ้านออกไปให้ชาวบ้านฟัง หรือไม่ก็เชิญพ่อเพลงแม่เพลงมาว่าเพลงพื้นบ้านอัดเสียงลงกระบอกไว้ โดยเลือกเอาพ่อเพลงแม่เพลงที่มีคารมดี เป็นที่รู้จักมาอัดเสียงให้ดูต่อหน้า แล้วเปิดกลับให้คนฟังเป็นที่แปลกประหลาดใจ แล้วก็เก็บเงินค่าชมตามสมควรแก่โอกาสและฐานะ ดังเช่นเรื่องที่นาย ต.เง็กชวน เล่าไว้ในประวัติของท่านเมื่อปี พ.ศ.2473 มีการบันทึกเสียงแม่อินนักร้องเพลงเป๋ หรือเพลงฉ่อยให้ชมที่ตลาดในเมืองฉะเชิงเทรา ร้องแล้วก็เปิดให้ฟังในทันที แถมวันรุ่งขึ้นยังเอามาเปิดเก็บสตาค์ได้อีกโดยไม่ต้องจ้างแม่อินมาร้องซ้ำ
ครั้น เอดิสันและเบอร์ไลเนอร์คิดแผ่นเสียงชนิดแผ่นแบนๆได้ไทยเราก็มีการบันทึกเพลงพื้นบ้านลงจานเสียง เช่นเดียวกับที่มีการบันทึกมโหรีปี่พาทย์ แต่ไม่สามารถจะติดตามค้นคว้าได้ ว่าได้บันทึกไว้มากน้อยเพียงใด เกี่ยวกับแผ่นเสียงเพลงพื้นบ้านนี้ อเนก นาวิกมูลได้ค้นพบบ้างจำนวนหนึ่ง เป็นแผ่นเสียงตราปืนบ้าง ตราอับดุลลาบ้าง ซึ่งเป็นแผ่นเสียงที่อัดมาในสมัยรัชกาลที่ 6 และอเนกก็ได้ตั้งข้อสังเกตว่าแผ่นเสียงเพลงพื้นบ้านมีน้อยเต็มที
หนังสือเล่มนี้ เสนอภาพของแผ่นเสียงเพลงพื้นบ้านโบราณสมัยรัชกาลที่ 5 ซึ่งเก่ากว่าตราปืนและตราอับดุลลา สิ่งที่น่าสังเกตคือเป็นการบันทึกเพลงเป๋หรือเพลงฉ่อย คณะแม่อินผู้ลือชื่อ มีนายพัน นายชุ่ม และแม่ละม่อมร่วมงานกับแม่อินด้วย ที่พบเป็นสองแบบ แบบหนึ่งเป็นเพลงเป๋แท้ๆ อีกแบบหนึ่งเป็นเพลงทรงเครื่องซึ่งประเภทหลังนี้มีพิณพาทย์ประกอบ แถมใช้วงปี่พาทย์เครื่องใหญ่เสียด้วยและเรื่องที่บันทึกก็เป็นเรื่องพระสมุทรกับนางบุษมาลี ซึ่งเป็นเรื่องราวและเรื่องราวและงานระดับกวีนิพนธ์ทีเดียว
เหนือไปกว่านั้น แผ่นที่บันทึกเป็นแผ่นเสียงชนิดแบนรุ่นต้นๆ ของโลกแผ่นเสียง เพราะยังเป็นแบบเบอร์ ไลเนอร์ ซึ่งร่องแผ่นกลับทางคือเล่นที่กลางแผ่นมาจบที่ริมแผ่น แสดงว่าได้มีผู้สนใจอัดเสียงเพลงพื้นบ้านมาตั้งแต่แรกเริ่ม มีแผ่นเสียงชนิดแบนกลมกันแล้ว นับว่าสนใจเอาจริงเอาจังมากโขอยู่ หรืออีกข้อหนึ่งแสดงให้เห็นว่าตลาดเพลงไทยชนิดเพลงพื้นบ้านในสมัยรัชกาลที่ 5 คงจะดีไม่น้อบ จึงมีการอัดแผ่นออกจำหน่ายแล้ว
อีกอย่างหนึ่งที่ต้องบันทึกไว้ เพราะเป็นแผ่นเสียงตราไก่ของบริษัทปาเต๊ะ จากประเทศฝรั่งเศส ระยะนี้เชื่อว่าเป็นสมัยรัชกาลที่ 5 เพราะหมายเลขแผ่นตรงกันคือเลข 47089 เพียงแต่พิมพิ์กระดาษปะรูปวงกลมขึ้นใหม่ และก็นำมาอัดเสียงใหม่จากแผ่นเดิมหรือพูดง่ายๆ ก็ก๊อปปี้กันมาทั้งดุ้น เชื่อว่าจะขายดีกว่ารุ่นก่อนที่ไม่มีแม้แต่เครื่องพิมพ์ดีดภาษาไทย อัดใหม่คราวนี้หน้าตารูปร่างของแผ่นดีขึ้นมากและทนทานอีกด้วย
เห็นจะจริงอย่างคุณเอนก นาวิกมูล ได้กล่าวไว้ว่าเพลงพื้นบ้านเราอัดสียงไว้น้อย จนเมื่อมาถึงสมัยรัชกาลที่ 7 แล้วก็ยังไม่วายนำเพลงเก่าถ่ายมาลงแผ่นใหม่ อาจจะทำเพื่ออนุรักษ์ของเก่าก็ได้
เพลงพื้นบ้านมีน้อยจริงๆ เมื่อเปรียบเทียบกับเพลงไทยสากลหรือเพลงไทยเดิมแล้ว จำนวนการผลิตของเพลงประเภทนี้ เชื่องช้ามาก เหตุที่เป็นเช่นนี้เพราะเรายังไม่รับรองเพลงพื้นบ้านว่าเป็นของดีนั่นเอง
มายุคเปลี่ยนแปลงการปกครองแล้ว มีการบันทึกเพลงพื้นบ้านเพิ่มขึ้น ถึงกระนั้นก็ยังน้อยเมื่อเปรียบเทียบกับเพลงไทยสากล มีงานของผ่องศรี วรนุช บ้าง ของพร ภิรมย์ บ้าง ของก้าน แก้วสุพรรณ บ้าง
ขณะนี้เป็นยุคของคาสเส็ทออกจำหน่ายมาก เราก็ได้เห็นเทปคาสเส็ทจำหน่ายเพลงพื้นบ้านบ้าง แต่ก็น้อยเสียจนเกือบจะหาไม่พบทีเดียวบนแผงขายเทปที่มีอยู่ทั่วกรุงในขณะนี้
เห็นจะต้องรณรงค์ให้คนไทยรุ่นปัจจุบัน หันมาสนใจเพลงพื้นบ้านให้จงได้ เพราะเป็นของไทยแท้ๆที่เป็นประโยชน์ หากละเลยไปก็คงจะสูญแน่
นายแพทย์พูนพิศ อมาตยกุล