กลับหน้าหลัก | ไปหน้าสารบัญธรรมะ


วัตรอันงามของพระอรหันต์

ในที่นี้จะแสดงให้เห็นถึงความที่พระอรหันต์มีความเคารพในทาน โดยการใช้สอยสิ่งของ ที่ผู้คนถวายให้เป็นทาน อย่างเห็นคุณค่าและใช้อย่างคุ้มค่าที่สุด ไม่ได้ใช้ของอย่างทิ้งๆ ขว้างๆ เลย

ดังที่กล่าวไว้ในพระไตรปิฎก (วินัยปิฎก เล่ม ๗ จุลลวรรค ภาค 2 ปัญจสติกขันธกะ) ดังนี้

เรื่องพระเจ้าอุเทน

[๖๒๕] ครั้งนั้น พระเจ้าอุเทนกับพระมเหสี ประทับอยู่ในพระราชอุทยานพร้อมด้วยข้าราชบริพาร พระมเหสีของพระเจ้าอุเทนได้สดับข่าวว่า พระคุณเจ้าอานนท์ อาจารย์ของพวกเรา นั่งอยู่ที่โคนไม้แห่งหนึ่งใกล้พระราชอุทยาน
จึงกราบทูลพระเจ้าอุเทนว่า ขอเดชะ ข่าวว่าพระคุณเจ้าอานนท์ อาจารย์ของพวกหม่อมฉัน นั่งอยู่ที่โคนไม้แห่งหนึ่งใกล้พระราชอุทยาน พวกหม่อมฉัน ปรารถนาจะไปเยี่ยมพระคุณเจ้าอานนท์ พระเจ้าข้า
พระเจ้าอุเทนตรัสว่า ถ้าเช่นนั้น พวกเธอจงเยี่ยมพระสมณะอานนท์เถิด

ลำดับนั้น พระมเหสีของพระเจ้าอุเทน ได้เข้าไปหาท่านพระอานนท์ แล้วถวายอภิวาท นั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง ท่านพระอานนท์ชี้แจงให้พระมเหสีของพระเจ้าอุเทน ผู้นั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง เห็นแจ้ง สมาทาน อาจหาญ ร่าเริงด้วยธรรมีกถา
ครั้งนั้น พระมเหสีของพระเจ้าอุเทนอันท่านพระอานนท์ชี้แจงให้เห็นแจ้ง สมาทาน อาจหาญ ร่าเริง ด้วยธรรมีกถาแล้ว ได้ถวายผ้าห่ม ๕๐๐ ผืน แก่ท่านพระอานนท์
ครั้นชื่นชมยินดีภาษิตของท่านพระอานนท์แล้วลุกจากอาสนะ ถวายอภิวาท ทำประทักษิณ แล้วเข้าไปเฝ้าพระเจ้าอุเทน ฯ

[๖๒๖] ครั้งนั้น พระเจ้าอุเทนได้ทอดพระเนตรเห็นพระมเหสีเสด็จมาแต่ไกลเทียว
ครั้นแล้วได้ตรัสถามว่า พวกเธอเยี่ยมพระสมณะอานนท์แล้วหรือ
พระมเหสีกราบทูลว่า พวกหม่อมฉันได้เยี่ยมพระคุณเจ้าอานนท์แล้ว พระเจ้าข้า
อุ. พวกเธอได้ถวายอะไรแก่พระสมณะอานนท์บ้าง
ม. พวกหม่อมฉันได้ถวายผ้าห่ม ๕๐๐ ผืน แก่พระคุณเจ้าอานนท์ พระเจ้าข้า

พระเจ้าอุเทนทรงเพ่งโทษ ติเตียน โพนทะนาว่า ไฉนพระสมณะอานนท์ จึงรับจีวรมากถึงเพียงนั้น พระสมณะอานนท์จักทำการค้าขายผ้า หรือจักตั้งร้านค้า แล้วเสด็จเข้าไปหาท่านพระอานนท์ ทรงปราศรัยกับท่านพระอานนท์ ครั้นผ่านการปราศรัยพอให้ระลึกถึงกันแล้ว ประทับนั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง
แล้วตรัสถามว่า ท่านพระอานนท์ มเหสีของข้าพเจ้ามาหาหรือ
อา. พระมเหสีของพระองค์มาหา มหาบพิตร
อุ. ก็พระนางได้ถวายอะไรแก่ท่านพระอานนท์บ้าง
อา. ได้ถวายผ้าห่มแก่อาตมภาพ ๕๐๐ ผืน มหาบพิตร
อุ. ก็ท่านพระอานนท์จักทำอะไรกะจีวรมากมายเพียงนั้น
อา. อาตมภาพจักแจกให้แก่ภิกษุทั้งหลาย ที่มีจีวรคร่ำคร่า มหาบพิตร
อุ. ท่านพระอานนท์ ก็ท่านจักทำอย่างไรกะจีวรที่เก่าคร่ำเหล่านั้นต่อไป
อา. อาตมภาพจักทำผ้าเหล่านั้นให้เป็นผ้าดาดเพดาน มหาบพิตร
อุ. ท่านพระอานนท์ ท่านจักทำอย่างไรกะผ้าดาดเพดานเก่าเหล่านั้น
อา. อาตมภาพจักทำผ้าเหล่านั้นให้เป็นผ้าปูฟูก
อุ. ท่านพระอานนท์ ท่านจักทำอย่างไรกะผ้าปูฟูกที่เก่าเหล่านั้น
อา. อาตมภาพจักทำผ้าเหล่านั้นให้เป็นผ้าปูพื้น มหาบพิตร
อุ. ท่านพระอานนท์ ท่านจักทำอย่างไรกะผ้าปูพื้นที่เก่าเหล่านั้น
อา. อาตมภาพจักทำผ้าเหล่านั้นให้เป็นผ้าเช็ดเท้า มหาบพิตร
อุ. ท่านพระอานนท์ ท่านจักทำอย่างไรกะผ้าเช็ดเท้าที่เก่าเหล่านั้น
อา. อาตมภาพจักทำผ้าเหล่านั้นให้เป็นผ้าเช็ดธุลี มหาบพิตร
อุ. ท่านพระอานนท์ ท่านจักทำอย่างไรกะผ้าเช็ดธุลีที่เก่าเหล่านั้น
อา. อาตมภาพจักโขลกผ้าเหล่านั้น ขยำกับโคลนแล้วฉาบทาฝา มหาบพิตร

ครั้งนั้น พระเจ้าอุเทนทรงพระดำริว่า พระสมณะเชื้อสายพระศากยบุตรทั้งหลาย นำผ้าไปแยบคายดี ไม่เก็บผ้าเข้าเรือนคลัง (ไม่ยินดีในการสะสม - ธัมมโชติ) แล้วถวายผ้าจำนวน ๕๐๐ ผืน แม้อื่นอีกแก่ท่านพระอานนท์ ก็ในคราวนี้บริขารคือจีวรบังเกิดแก่ท่านพระอานนท์ เป็นครั้งแรก คือผ้า ๑๐๐๐ ผืน เกิดขึ้นแล้ว ฯ

(เรื่องนี้เกิดขึ้นหลังจากที่พระพุทธเจ้าปรินิพพานแล้ว และคณะสงฆ์นำโดยพระมหากัสสปะ ได้ทำการสังคายนาพระไตรปิฎกครั้งที่ ๑ เสร็จเรียบร้อยไปได้ไม่นาน ซึ่งพระอานนท์นั้นบรรลุเป็นพระอรหันต์ก่อนวันทำสังคายนาเพียง ๑ วัน ดังนั้น ครั้งนี้น่าจะเป็นครั้งแรกที่พระอานนท์ได้รับการถวายบริขาร หลังจากที่เป็นพระอรหันต์ - ธัมมโชติ)

จากเรื่องนี้จะเห็นได้อย่างชัดเจนว่า พระอรหันต์ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นเนื้อนาบุญอันดียิ่งนั้น มีความเคารพในทานที่ผู้คนเขาถวายให้ และเห็นคุณค่าของสิ่งของเหล่านั้นมากเพียงใด
สมควรหรือไม่ที่นักบวชรุ่นหลังจะเอาเป็นเยี่ยงอย่าง?

ผู้รวบรวม
ธัมมโชติ
28 พฤษภาคม 2544