กลับหน้าหลัก | ไปหน้าสารบัญธรรมะ


อายตนะ 12

อายตนะ ตามศัพท์แปลว่าเขต หรือแดน หมายถึงเป็นที่ต่อ ที่บรรจบ ที่ประชุมกัน ทำให้เกิดการรับรู้ในสิ่งต่างๆ แบ่งเป็น 6 คู่ หรือ 12 ชนิด คือ

คู่ที่ 1 จักขายตนะ (ประสาทตา) กับ รูปายตนะ (แสง สี ที่มากระทบตาให้เห็นเป็นภาพต่างๆ)
คู่ที่ 2 โสตายตนะ (ประสาทหู) กับ สัททายตนะ (เสียงต่างๆ)
คู่ที่ 3 ฆานายตนะ (ประสาทรับกลิ่น) กับ คันธายตนะ (กลิ่นต่างๆ)
คู่ที่ 4 ชิวหายตนะ (ประสาทรับรส) กับ รสายตนะ (รสต่างๆ)
คู่ที่ 5 กายายตนะ (ประสาทตามผิวกาย) กับ โผฏฐัพพายตนะ (ความเย็น ร้อน อ่อน แข็งต่างๆ ที่กระทบกาย)
คู่ที่ 6 มนายตนะ (จิต ซึ่งเป็นผู้สัมผัสกับความคิด) กับ ธัมมายตนะ (ความคิด ความรู้สึกต่างๆ)

*** คำว่าประสาทตา ... จนถึง ... ประสาทตามผิวกาย ในที่นี้หมายถึงระบบของเส้นประสาท ซึ่งเป็นส่วนของร่างกายจริงๆ ไม่ใช่ความรู้สึกที่เกิดขึ้น ณ จุดของประสาทส่วนนั้นๆ ซึ่งเป็นส่วนของจิตใจ ***

โดยที่ จักขายตนะ โสตายตนะ ฆานายตนะ ชิวหายตนะ กายายตนะ มนายตนะ รวมเรียกว่าอายตนะภายใน 6
ส่วนที่เหลือคือ รูปายตนะ สัททายตนะ คันธายตนะ รสายตนะ โผฏฐัพพายตนะ ธัมมายตนะ รวมเรียกว่าอายตนะภายนอก 6

การรับรู้ต่างๆ จะเกิดขึ้นได้ เมื่ออายตนะภายนอกมากระทบกับอายตนะภายในที่เหมาะสมกันเป็นคู่ๆ ทำให้เกิดการรับรู้ทางทวาร หรืออวัยวะนั้นๆ ขึ้น เช่น เมื่อรูปายตนะ คือ แสง สีต่างๆ ซึ่งสะท้อนมาจากผิวของวัตถุใดๆ มากระทบกับจักขายตนะ คือประสาทตา ซึ่งอยู่ที่เรตินา (จอรับภาพในกระบอกตา) ก็จะเกิดจักขุวิญญาณ (จิตที่ทำหน้าที่ในการเห็นภาพของวัตถุนั้น) ขึ้นที่จักขายตนะนั้น การเห็นภาพของวัตถุนั้นก็เกิดขึ้น โดยที่จักขุวิญญาณนั้นเป็นผู้เห็น
จากนั้นธัมมายตนะ คือความคิดต่างๆ (เกี่ยวกับวัตถุที่เห็นนั้น) ก็เกิดตามมาโดยมีมนายตนะ คือจิตเป็นผู้คิดหรือรับรู้ความคิดนั้นๆ

การเกิดขึ้นของจิตตลอดกระบวนการที่กล่าวมานี้ มีเพียงจักขุวิญญาณเท่านั้นที่เกิดขึ้นที่จักขุประสาท ส่วนจิตอื่นนอกนั้นจะเกิดขึ้นที่หทยวัตถุ คือบริเวณที่ความรู้สึกนึกคิดเกิดขึ้น ซึ่งปรกติก็จะเป็นที่สมอง (ส่วนจะเป็นที่ใดได้บ้างนั้น ผู้ที่ทำกรรมฐาน โดยเฉพาะวิปัสสนากรรมฐาน เมื่อปฏิบัติไปถึงขั้นหนึ่งแล้วจะรู้ได้เอง)

ปรากฏการณ์ทำนองนี้จะเกิดขึ้นหมุนเวียนเปลี่ยนไปตามทวาร หรืออวัยวะที่ทำหน้าที่ในการรับรู้ ต่างๆ ตลอดเวลาไม่หยุดหย่อน โดยมีจักขุวิญญาณ โสตวิญญาณ ฆานวิญญาณ ชิวหาวิญญาณ กายวิญญาณ เกิดขึ้นที่จักขายตนะ โสตายตนะ ฆานายตนะ ชิวหายตนะ กายายตนะตามลำดับ ทำให้เกิดการมองเห็น การได้ยิน การได้กลิ่น การรู้รส การรู้สัมผัสทางกาย

อันเป็นผลให้เกิดความคิดที่เป็นกุศล อกุศล หรือเป็นกลางๆ ต่างๆ (ธัมมายตนะ)ตามมา โดยมีมนายตนะ คือจิตเป็นผู้คิดหรือรับรู้ความคิดนั้นๆ โดยมีฐานปฏิบัติการอยู่ที่หทยวัตถุ ตามที่กล่าวไปแล้ว (นอกจากจักขุวิญญาณ โสตวิญญาณ ฆานวิญญาณ ชิวหาวิญญาณ และกายวิญญาณแล้ว จิตอื่นทั้งหมดจะเกิดที่หทยวัตถุทั้งสิ้น)

ธัมมโชติ
22 พฤศจิกายน 2543