รูป
- การเกิดและการละ
ผู้สนใจท่านหนึ่งได้เมล์มาถามปัญหาเกี่ยวกับเรื่องนี้
ทางผู้ดำเนินการเห็นว่าน่าจะเป็นประโยชน์ แก่ท่านอื่นๆ ด้วย จึงขออนุญาตนำมาลงเอาไว้
ณ ที่นี้ ดังนี้
คำถาม
Sent: Friday, June 29, 2001 5:22 AM
Subject: ขอรายละเอียดครับ
ที่มาที่ไปของการเกิดรูป(กาย)เป็นมาอย่างไร?
ทำไมสัตว์โลกจึงยึดอย่างเหนียวแน่นหาทางออกอยาก และเป็นทุกข์....?
วิธีการพิจารณาเพื่อละรูป.....และผลการทดสอบ....เป็นอย่างไร?
ตอบ
ขอบคุณมากครับที่ให้ความสนใจเว็บไซต์ ธัมมโชติ
ผมขอตอบคำถามเป็นข้อๆ ดังนี้นะครับ
1.)
ที่มาที่ไปของการเกิดรูป(กาย)เป็นมาอย่างไร?
-
1.1) ข้อนี้ต้องทำความเข้าใจก่อนว่า ตามคำสอนของพระพุทธศาสนานั้น ชีวิตในวัฏสงสารสามารถเกิดได้ในหลายภพภูมิ
ซึ่งแบ่งได้เป็น 31 ภูมิ ใน 31 ภูมินี้ 27 ภูมิจะมีรูป(กาย) อีก 4 ภูมิจะมีเฉพาะนามคือเจตสิก+จิต
= เวทนา+สัญญา+สังขาร+วิญญาณ(จิต) โดยไม่มีรูป(กาย)อยู่เลย (ขอให้ดูรายละเอียดในเรื่องขันธ์
5 และเรื่องภพภูมิในพระพุทธศาสนา หมวดธรรมทั่วไป
ประกอบ)
-
1.2) ในชาติไหนใครจะไปเกิดในภูมิใดนั้น ขึ้นอยู่กับสภาพจิตตอนใกล้จะตายเป็นสำคัญ
คือถ้าจิตในตอนนั้นมีสภาพเป็นอย่างไร เมื่อตายแล้วก็จะไปเกิดใหม่ในภพภูมิที่มีลักษณะอย่างเดียวกันนั้น
สำหรับพระอรหันต์นั้นเนื่องจากไม่มีความยินดีในการเกิดแล้ว เมื่อตายไปแล้วจึงไม่มีเชื้อให้ต้องเกิดอีก
(ขอให้ดูรายละเอียดในเรื่องปฏิจจสมุปบาท หมวดธรรมทั่วไป
และเรื่องสัญโยชน์ 10 หมวดวิปัสสนา
(ปัญญา) ประกอบ)
-
1.3) นั่นคือ ที่มาที่ไปของการเกิดรูป(กาย) ก็ประกอบด้วย 2 ส่วนคือ
-
1. สภาพจิต(ซึ่งก็คือตัณหาในภพ) ในขณะที่ใกล้จะตายนั้น เขามีความยินดีในการมีรูป(กาย)อยู่ด้วย
หรือยินดีในการเห็นรูป ได้กลิ่น ลิ้มรส มีสัมผัสทางกาย ซึ่งจะเป็นแรงผลักดันให้กายเกิดขึ้นมา
-
2. เป็นธรรมชาติของภพภูมิที่เขาไปเกิดนั้นเอง ที่จะต้องมีรูป(กาย)อยู่ด้วย
ส่วนเมื่อไปเกิดแล้วจะมีรูปกายอย่างไรนั้น ก็ขึ้นกับธรรมชาติของภพภูมินั้น
ประกอบกับกรรมที่เขาได้ทำมา
2.) ทำไมสัตว์โลกจึงยึดอย่างเหนียวแน่นหาทางออกอยาก
-
ที่เป็นเช่นนั้นเพราะความรู้สึกว่ารูปเป็นเรา หรือเป็นของๆ เรา หรือเป็นตัวเป็นตนของเรา
ความยึดมั่นถือมั่นจึงเกิดขึ้นมา และความรู้สึกนี้มีมานานนับชาติไม่ถ้วนแล้ว
จึงฝังแน่นอยู่ในจิตใต้สำนึก ไม่อาจทำให้หมดไปได้ง่ายๆ (ขอให้ดูรายละเอียดในเรื่องกิเลสเกิดจากอะไร
หมวดวิปัสสนา (ปัญญา) ประกอบ)
3.) ... และเป็นทุกข์....?
-
ขอให้ดูรายละเอียดในเรื่องทุกข์เกิดจากอะไร
หมวดวิปัสสนา (ปัญญา) ประกอบ
4.)
วิธีการพิจารณาเพื่อละรูป
-
ขอให้ดูรายละเอียดในทุกๆ เรื่องในหมวดวิปัสสนา (ปัญญา)
ประกอบ ที่สำคัญสำหรับเรื่องรูปก็คือ การสังเกต + พิจารณา = ให้เห็นความทุกข์
+ โทษ + ความน่าเบื่อหน่ายในการบำรุงรักษา + ความไม่เที่ยงแท้แน่นอน + ความแปรปรวนไปตลอดเวลา
+ ความไม่อยู่ในอำนาจ + ไม่เป็นไปตามที่ปรารถนา + ความเป็นที่เกิดของสิ่งสกปรก
+ ความเป็นรังของโรคร้ายนานาประการ + ฯลฯ ของรูป หรือที่มีสาเหตุมาจากรูป
อันที่จริงแล้วร่างกายนี้ก็มีเฉพาะผิวหนัง+เส้นผม+คิ้ว เท่านั้นที่พอจะมีความน่าดูอยู่บ้าง
แต่พอลอกผิวหนังออกแล้ว ก็จะเหลือแต่สิ่งที่น่าเกลียดน่ากลัวน่าขยะแขยง รวมทั้งของเน่าเสียต่างๆ
อยู่เท่านั้น
ลองคิดดูเถิดว่า สิ่งที่ไม่อยู่ในอำนาจ ไม่เป็นไปดังใจปรารถนา แถมเป็นบ่อเกิดแห่งทุกข์นานาประการอย่างนี้
ควรหรือที่จะเรียกว่าเรา หรือของๆ เรา หรือตัวตนของเรา
และสิ่งที่ไม่เที่ยงแท้แน่นอน แปรปรวนไปตลอดเวลาอย่างนี้ ควรหรือที่จะยึดมั่นถือมั่น
การยึดมั่นถือมั่นในสิ่งที่ไม่อยู่ในอำนาจ แปรปรวนไปอยู่ตลอดเวลา
ก็มีแต่ทุกข์เท่านั้นที่หวังได้ !!!
แต่ความจริงแล้วผมไม่แนะนำให้ละรูปเพียงอย่างเดียวเท่านั้น
ที่ถูกแล้วจะต้องดูว่าผู้ปฏิบัติรู้สึกว่าส่วนไหนคือเรา (อาจจะเป็นรูป เวทนา
สัญญา สังขาร วิญญาณ หรือทั้งหมดรวมกันเลยก็ได้) แล้วตามดูตามสังเกตส่วนนั้นไปเรื่อยๆ
เพื่อให้เห็นธรรมชาติของสิ่งนั้นๆ ชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ ก็จะคลายความยึดมั่นในสิ่งนั้นไปได้เรื่อยๆ
เอง และเมื่อละ"เรา" ได้แล้ว "ของๆ เรา" ก็จะไม่มีไปเอง
เมื่อปฏิบัติไปมากขึ้นๆ ความรู้สึกว่าเป็นเราอาจจะย้ายจุดไปได้
เช่น จากรูป > สังขาร > วิญญาณ เป็นต้น ก็ขอให้ย้ายตำแหน่งการสังเกตตามไปเรื่อยๆ
นอกจากนี้ ขอให้ดูรายละเอียดในเรื่องพระสารีบุตร
หมวดตัวอย่างการบรรลุธรรม ประกอบด้วย.
5.) .....และผลการทดสอบ....เป็นอย่างไร?
-
5.1) ผลทั่วไปนั้นเป็นสิ่งที่รู้ได้เฉพาะตน ซึ่งสามารถเปรียบเทียบกับเกณฑ์มาตรฐานได้
โดยดูที่เรื่องอริยบุคคล
8 ประเภท หมวดวิปัสสนา
(ปัญญา) ประกอบ ที่สำคัญคือดูที่ความยึดมั่นถือมั่นที่เหลืออยู่ และกิเลสต่างๆ
ที่มีอยู่
-
5.2) สำหรับเรื่องรูปโดยเฉพาะนั้น ก็ดูที่ความยึดมั่นถือมั่นในรูป หรือความยินดีในรูปหรือการมีรูป
หรือความรู้สึกว่ารูปเป็นเรา หรือของๆ เรา หรือเป็นตัวเป็นตนของเรา เป็นสำคัญ
หวังว่าจะให้ความกระจ่างได้ตามสมควรนะครับ ถ้ายังไม่กระจ่าง หรืออยากทราบอะไรเพิ่มเติม
ก็ขอเชิญถามมาใหม่ได้ตามสบาย ไม่ต้องเกรงใจนะครับ ผมยินดีตอบให้ทุกฉบับ
ธัมมโชติ
11 กรกฎาคม 2544