สถานการณ์ ในประเทศติมอร์

ห้วงเดือน  ส.ค. - พ.ย. 46

ฝ่ายข่าวกองกำลังรักษาสันติภาพ  UNMISET

สถานการณ์ ทางเศรษฐกิจ สังคม จิตวิทยา

                      จากข่าวการ ลดกำลังของสหประชาชาติส่งผลให้ นักธรกิจที่เข้ามาประกอบธุรกิจเริ่มว่าแผนที่จะถอนการลงทุน หรือขาย กิจการ  แต่ก็ยังมีการเปิดตัวของธุรกิจขนาดเล็ก         เช่นภัตตาคาร  ร้านขายของชำ โรงแรมขนาดเล็ก หรือเกสเฮาส์ ในส่วนของธุรกิจขนาดกลางถึงใหญ่ มีการลงทุน น้อยมาก เนื่อง จากกำแพงภาษี ของรัฐบาลติมอร์ ที่คาดหวังจากการเก็บภาษี มากเป็นพิเศษ ทำให้นักลงทุนบางส่วนไม่เข้ามารวมทั้งนักลงทุนที่เข้ามาแล้ว เริ่มที่จะเปลี่ยนทิศทางในการลงทุน  ระบบราชการที่เกี่ยวข้องกับ ธุรกิจเอกชน มีความล่าช้า และความผิดพลาดในการทำงานมา รวมทั้งปัญหารการคอรัปชั่น ในการหาผลประโยชน์จากนักธุรกิจที่มาลงทุน

                อัตราการว่างงานยังคงมีสูงขึ้น ถึงแม้ว่าจะมีการลงทุนบ้าง แต่ปัญหาจากการขาดแรงงานที่มีคุณภาพ ทำให้ ต้องมีการนำเข้าแรงงานจากประเทศใกล้เคียง ส่งผลให้มีคนว่างงาน โดยเฉพาะในเมืองหลวง ซึ่งมีคนบางส่วนหลั่งไหลเข้ามาหางานทำ ความแออัดมากขึ้น ค่าครองชีพในเมืองหลวง ค่อนข้างสูง เป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้ปัญหาอาชญากรรม ในดิลีสูงที่สุดในประเทศ โดย คดีที่สูงที่สุดได ้แก่ การโจรกรรม

                การศึกษา ปัญหาพื้นที่ฐานทางการศึกษาที่สำคัญคือ รัฐบาลไม่มีเงินอุดหนุนทางการศึกษาที่เพียงพอทำให้ ผู้ที่เรียนต้องเสียเงิน ทำให้เด็กที่มาจากครอบครัวที่ไม่มีรายได้ ไม่มีโอกาสได้รับการศึกษา  

                ในห้วงเดือน พย. ได้มีการใช้สกุลเงิน CENTAVOS  อย่างเป็นทางการ 1 CENTAVOS เท่า กับ 1 เซ็นต์ ของ สหรัฐ โดยมี  เหรียญ 1  CENTAVOS 10 CENTAVOS  25   CENTAVOS 50 CENTAVOS ตามลำดับ สามารถใช่ร่วมกับ เหรียญ สหรัฐได้

                การพัฒนา ในด้านของกำลังตำรวจยังคงมีการ พัฒนาอย่างต่อเนื่อง ปัญหาที่เกิดขึ้น เป็นเรื่องของปัญหาวินัยรายบุคคลของ เจ้าหน้าที่ตำรวจที่มีการ เรียกเก็บสินบน การประพฤติมิชอบต่างๆ ซึ่งส่วนหนึ่งเกิดจากระยะเวลาในการฝึก น้อย เพียงแค่ 3 เดือน 

                   โครงการการก่อตั้ง หน่วยเคลื่อนที่เร็วของตำรวจ ( RDS rapid deployment service ) เป็นโครงการณ์ที่ นายก เป็นผู้ผลักดันให้เกิด          วัตถุประสงค์เพื่อเป็นกองกำลังติดอาวุธเพื่อปราบปรามกลุ่มติดอาวุธ ภายในประเทศ

โดยมีการประกอบกำลัง และยุโธปกรณ์ คล้ายกับทหารแต่อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของนายกโดยตรง  การก่อตั้งดังกล่าว กระทำท่ามกลางเสียงคัดค้านของหลายฝ่าย เนื่องจาก เห็นว่าเป็นการสิ้นเปลือง และ อาจจะเกิดปัญหา การเมืองตามมาในอนาคต แต่  นายก ก็สามารถที่จะผ่าน หลักการดังกล่าวเข้าสภา และออกมาเป็น โครงการณ์ในที่สุด แต่ ปัญหาที่ตามมา คือ ปัญหาเรื่องการคัดเลือกบุคคลการ  ปัญหาการขาดควาเอาใจใส่ของเจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบ โดยเฉพาะในเรื่องการส่งกำลัง และงบประมาณ โดยในเรื่องงบประมาณ ได้จัดสรรงบประมาณ ให้กับ นายกรัฐมาตรีในการจัดตั้งหน่วย โดยการ จัดซื้อและจัดหาเป็นหน้าที่ของรัฐบาลติมอร์   เจ้าหน้าที่ ที่ปรึกษาโครงการณ์ดังกล่าวจัดมาจาก จนท.ตร.สหประชาชาติ  ซึ่งได้ให้ข้อมูลล่าสุดเมื่อ เดิน พย.ที่ผ่านมาว่า โครงการดังกล่าว ค่อนข้างล้าช้า เนื่องจากประสิทธิภาพในการทำงานของระบบราชการติมอร์เอง

                เพื่อเป็นการรองรับ  การก่อความไม่สงบที่อาจจะเกิดขึ้นจากการชุมนุมประท้วง  สหประชาติชาติได้ ส่งเจ้าหน้าที่ตำรวจปราบจราจลของมาเลเซีย เข้ามา1 กองร้อย เพื่อเตียมพร้อมรับสถานการณที่จะเกิดขึ้น แต่ ในห้วงที่ผ่านมา มาการฝึกซ้อม ตามแผนโดนได้ ขอความร่วมมือจากนักศึกษา ให้มาช่วยเป็นผู้ชุมนุม  โดย จนท.ตร.สหประชาชาติ ได้สัญญากับ นักศึกษาว่าจะไม่มีการใช้ ตี หรือใช้กำลังรุนแรงจริงเป็นเพียงการฝึก แต่  เมื่อสถานการสมมติเกิดขึ้น จนกระทั่งต้องใช้ กำลัง ของ จนท.มาเลเซีย ..เจ้าหน้าท่ ีมาเลเซีย ใช้ความรุนแรง จริงโดยการใช้กระบองตี กล่มผู้ประท้วงสมมติ ซึ่งภายหลัง กลุ่ม นศ.ได้มาร้องเรียนขอความเป็นธรรมภายหลัง

 สถานการณ์ด้านการเมือง

ประธานาธิบดีเริ่มที่จะหมดความอดทนกับการกระทำของ กลุ่ม CPD RDTL ซึ่งเป็นกลุ่มต่อต้านรัฐบาล โดยได้ให้ความเห็นว่ารัฐบาลในขณะนี้เป็นรัฐบาลที่มีจากการจัดตั้งของ สหประชาชาติเป็นเพิ่งหุ่นเชิดของต่างชาติมาแสวงหาผลประโยชน์กับประชาชนติมอร์โดยได้อาศัยเงื่อนไขที่รัฐบาล ไม่สามารถแก้ไขปัญหาควาเป็นอยู่ของประชาชนมาเป็นเงื่อนไขในการหาแนวร่วม โดยมีพื้นที่อิธิพลอยู่ทาง ตะวันออก เช่น เบาเกา อ. วิเคเค  เมื่อปลายเดือน กย.ที่ผ่านมา  ปธน. กุสเมาได้ เดินทางไปพบในพื้นที่ เบาเกา และวิเคเค เพื่อพบปะและทำความเข้าใจกับประชาชนในสถานการณ์บ้านเมืองที่เป็นอยู่ ประชาชนยังเครพในตัวปธน. อยู่มาก ..แต่ก่อนหน้านี้ ปธน. มีแผนที่จะเดนทางไปที่ ต.โอซู OSSU แต่ต้องงดการเดินทางเพราะ มีการรวมกลุ่มขอผู้ที่อ้างตัวเองว่าเป็นพวก ProIntigration ..จึงทำให้ต้องงดการเดินทาง

    ในห้วง เดือน ก.ย.- ต.ค. ทั้ง ทาง นายก ประธานาธิบดี  อยุ่ในช่วงการออกเดินทางพบปะประชาชนตาม ที่ต่างๆ โดยเฉพาะในส่วนของปธน ได้เดินทางไปยัง พื้นที่ โอสนาโก้ ซึ่ง เป็นที่ตั้งของกลุมสหกรณ์ที่ เชื่อว่ามีความสมัพันธ์ กับ พรรค การเมือง และกลุ่ม ต้อต่านรัฐบาล โดย ปธน. ได้ พักแรมในพื้นที่ดังกล่าว 1 คืน 

ส่วน นายกรัฐมตรีได้ไปเยื่ยมชาวบ้าน ในเขต โควาลิมา ที่เป็น พื้นที่ที่เป็นฐานเสียงของรัฐบาล โดย ใช้เวลาในการเยี่ยม 7 วัน โดยได้เปิดโอกาสให้ประชาชนได้พบและซักถามรวมทั้ง กล่าวสุนรทรพจน์ โดยส่วนหนึ่งได้กล่าวถึง กลุ่ม CPD RDTL ว่าเป็นกลุ่มผิดกฏหมาย

    ในห้วง ต้นเดือน พย. แกนนำของกลุ่ม CPD RDTL ได้ออกมาให้ความเห็นบ่อยครั้งขึ้น และข้อควาบางส่วนเริ่มทวีความรุนแรง ใจความโดยส่วน รวมยังยืนยันว่า รัฐบาลปัจจุบันเป็นรัฐบาลที่จัดตั้งโดยสหประชาชาติ  รัฐธรรมูญที่แท้จริงของ รัฐธรรมนูญที่ร่างขึ้นเมื่อ ปี 1975 โดยสุดท้ายได้ทิ้งทัายว่า หลังจาก สหประชาชาติออกไป กลุ่ม CPD RDTL จะเข้ามาแก้ไขปัญหาของประเทศ

แต่ในทางกลับกัน จากการข่าว ของกองกำลัง พบว่า ประชาชนส่วนใหญ่ ไม่ค่อยสนใจความเคลื่อนไหวของกลุ่มนี่มากนัก โดยเแพาะ ใน โควาลิม่า ..แต่ เมื่อไปทาง ตะวัน ออกซึ่ง ประชาชนอยู่ใพื้นที่ธุรกันดาร ก็จะมีการสนับสนุนมากขึ้น ซึ่ง จากสภาพความเป็นอยุ่ของประชาชนทั่วไป ไม่ค่อยสนใจการเมืองมากเท่า ความเป็นอยู่ของตนเอง เงื่อนไขดังกล่าวไปเงื่อนไขที่รัฐบาลติมอร์ต้องทำความเข้าใจกับประชาชนซึ่งกลุ่มดังกล่าวนำมาโจมตีรัฐบาลและเรียกเสียงสนับสนุน และสามารถที่จะใช้ พลังมวลชนในการก่อความไม่สงบได้ตามความต้องการ

สถานการณ์ตามแนวชายแดน

ในห้วงเดิอน ส.ค.ที่ผ่านมา มีการเพิ่มขึ้นของ การลักลอบผ่านแดน การเปิดตลาดผิดกฏหมาย ตามแนวชายแดน  รวททั้งการขนสินค้าผิดกฏหมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง น้ำมัน ซึ่งเป็นสินค้าที่มีปริมาณความต้องการสูงน้ำมันที่ถูกกฏหมาย จะ นำเข้ามาจากอิโดนีเซีย และขึ้นฝั่งที่ดิลี ทำให้ราคาน้ำมันในประเทศมีราคาแพงกว่าฝั่งติมอร์ตะวันออก เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้มีการลักลอบการขนน้ำมัน ทั้งทางเรือและการเดินเท้า ( การเดินเท้าจะใช้คนขนขนได้ไม่เกินคนละ 10ลิตร แบบกองทัพมด )

เมื่อ ปลายเดือน ก.ย.  จนท.BPU Border patrol Unit ได้ลาดตระเวนไปพบ ตลาดผิดกฏหมายได้ไล่ ชาวบ้านให้เลิกขายของในตลาด ชาวบ้านส่วนที่เป็นชาวติมอร์ตะวันตก ได้หนีข้ามชายแดน และมีบางส่วนที่ไม่หนีในจำนวนนัน คือ นาย VIAGAS BILITAU `ซี่ง เป็นอดีต มิลิเทีย ได้ ยิงหน้าไม้ เข้าใส่ จนท. แต่ จนท.ยิงด้วยปืน พก ขนาด 9 มม.เป็นผลให้ นาย VIAGAS BILITAU เสียชีวิต ในระหว่างนี้อยู่ในระหว่างการสอบสวน ว่า จนท. ใช้กำลังเกินกว่าเหตุหรือไม่เพราะผลจากการสอบสวน การให้การของ จนทBPU  ขัดกับ พยาน และ การพิสูนจ์ศพขั้นต้น เป็นการยิงในระยะใกล้ ไม่ใช่ระยะไกลตามที่ ให้การ  ส่งผลให้ เกิดความสงสัยในการปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ ของติมอร์  เป็นเงื่อนไขให้เกิด ความไม่พอในในหมู่ญาติของผู้เสียชีวิต จากเหตุการณ์ดังกล่าว เป็นส่วนหนึ่ง ทางทหารอินโดนีเซีย ทำการปิดจุดผ่านแดน ทั้งหมด และในส่วนของทางการตำรวจอินโดได้พยายาม ติดต่อ กับ จนท.ตำรวจของสหประชาชาติในการสอบสวน ซึ่งการสอบสวนบางส่วนได้ส่งให้ผู้เชี่ยวชาญของออสเตรเลีย ไปทำการตวจสอบทาง นิติวิทยาศาสต์ที่ ประเทศออสเตรเลียจึง จากการประชุม การประสานงานแนวชายแดน เมื่อ 5 พ.ย. 46 ผลการสอบสวนยังคงไม่เสร็จ ทำให้การปิดจุดผ่านแดนยังคงมีต่อไป และทำให้มีการลักสอบเข้าเมืองและขนของหนีภาษีมากขึ้น

เมื่อ 2 ต.ค.  จนท. BPU ได้ ลว.ร่วมกับ ชุดของ กกล.ออสเตรเลีย ได้พบการลักลอบขนของผืดกฏหมายจึงได้จับกุม คนติมอร์ตะวันออก 4 คนและ รถบรรทุกพร้อม สินค้าเป็น น่ำอัดลมกระป๋องจำนวน30ลัง บุหรี่ 3 ลังและเงินรูเปียส มูลค่า 500 ตอลลาร์สหรัฐ หลังจากนั้นไม่นานก็มี ทหารอินโดนีเซีย นำกำลังมาประมาณ 15 นายถือธง อิโด  เดินทางเข้ามา ยังที่เกิดเหตุ พร้อมกับ เจรจาขอรับผู้ต้องหาไปควบคุมยังประเทศอิโด โดยได้ให้เหตุผลว่า รถอยุ่ในเขตอินโด ..แต่หลังจากการเจรจา ทหารอินโดก็เข้าใจและกลับไปในที่สุด...เรื่องนี้ทาง กกล.ออสเตรเลียถือว่าเป็นเรื่องร้ายแรง เพราะมีการข้ามแดนมา ประมาณ 150 ม. และ จะนาเอาเข้าที่ประชุม ในการประชุมประสานงานระหว่าง กกล.รักษาสันติภาพกับ กองกำลังเฉพาะกิจของอินโด ..ซึ่งภายหลังกองกำลังรักษาสันติภาพได้นำเรื่องดังกล่าวเข้าที่ประชุมและ ทางผบ.กองกำลังเฉพาะกิจของอินโด ได้กล่าวว่าจะนำเรื่องดังกล่าวไปปรับปรุงแก้ไขแนวทางการปฏิบัติ ต่อไป

การทหาร

    กองทัพ ของติมอร์ยังคงที่การฝึกอย่างต่อเนื่อง โดย กองพันที1 ซึ่ง ส่วนใหญ่เป็น กองกำลังกู้ชาติเก่า ทำการฝึกในกรอบของ กองร้อย ปัญหาที่เกิดขึ้น คือ เจ้าหน้าที่ระดับฝ่ายอำนายการยังขาดความรู้ในการบริหารงาน การจัดการของหน่วย ไม่ว่าจะเป็นปัญหากำลังพล ที่ ไม่มีวินัย การ ขาดราชการเป็านจำนวนมาก  ในส่วนของกองพันที่ สอง จะเป็นกลุ่มที่ได้รับการคัดเลือกมาใหม่  เกือบทั้งหมด ปัญหาเรื่องการ คัดเลือกผู้นำเป็นปัญหาหนึ่ง ในการคักเลือกผุ้นำจะคัดจาก คะแนน ลักษณะผู้นำและความเหมาะสม ในหลายครั้ง ที่ เจ้าหน้าที่ที่คัดเลือกในส่วนของติมอร์มักจะเลือกคนที่ เป็นพวกเดียวกัน หรือ ครอบครัวญาติพี่น้อง ตนเองโดยไม่สนใจ ตำแนะนำหรือ คะแนน จากการทดสอบต่างที่ออกมาส่งผลให้การทำงาน ลดลงเป็นอย่างมาก ปัญหาความขัดแย้งภายใน หน่วยระดับตำยังคงมีอยู่ ในส่วนของ ผู้นำทางทหารรุ่นใหม่ ที่ น่าจับตามอง คนหนึ่งได้แก่ พันโท เปรโด กัลมา ฟลูอิก ผบ.ค่ายฝึกของ กองทัพติมอร์ นายทหารผู้ นี้ จบการศึกษาทางทหาจากโปตุเกสหลายหลักสูตร รวมทั้งหลักสูตรคอมมานโด ของโปตุเกส เป็นนายทหารที่มีวิสัยทัศน์กว้างและ ไกล สามารถ พูด ภาษา โปตุเกส และอังกฤษได้

    ในส่วนของ บก.กองทัพ ระบบการบริหารการจัดการยังคงค่อยเป็นค่อยไป การจัดการกำลังพลยัง ไม่เรียบร้อยนักในเรื่องสถานภาพกำลังพล ในขณะนี้มีการส่ง เจ้า หน้าที่ในส่วนของ ฝ่ายข่าวเข้ามาปฏิบัติงานร่วมกับ เจ้าหน้าที่ฝ่ายข่าวของ กองกำลังรักษาสันติภาพ โดย ทางกองกำลังได้ ถ่ายทอดความรู้ในเรื่องทักษะที่จำเป็นในการทำงาน เช่น การนำเสนอ การใช้คอมพิวเตอร์ การเก็บข้อมูล และ การข่าวพื้นฐาน วึ่งในห้วงเดือน ต.ค. เจ้าหน้าที่ จาก กองทัพออสเตรเลีย ได้มา สอน เรื่อง การวิเคราะห์ และวิจัยข้อมูลข่าวสาร วัตถุประสงค์เพื่อแนะนำเทคนิค ของ การวิเคราะห์ ให้กับเจ้าหน้าที่ กองกำลังสหประชาชาติ  โดยทาง กองกำลัง ได้ แสวงประโยชน์ด้วยการให้เจ้าหน้าที่ ของกองทัพติมอร์เข้าร้วมการอบรมด้วย

    ภาพรวมโดยทั่วไปของกองทัพ  ความเข้าใจในการทำงานฝ่ายอำนวยการ การขาดหลักนิยมของตนเอง และ ขาดกำลังพล ที่มีคุณภาพ เป็นผลเนื่องมาจาก ระบบการศึกษาพื้น ฐานที่ทิ้งช่วงมานาน

    ความสัมพันธ์ ด้านการทหารของ ติมอร์กับอินโดมีแนวโน้มที่จะดีขึ้น เนื่องจาก เมื่อ เดือน สค. มีการพบปะระหว่าง ผบ.ทหารสูงสุดของอินโด และ ติมอร์โดย ผบ. อินโด ได้เสนอ ให้มีการรว่มมือทางทหารระหว่างกัน โดยเฉพาะในเรื่องการฝึกศึกษา เรื่องนี้ เป็นเรื่องที่สร้างความหนักใจให้กับ ออสเตรเลีย พอสมควร

ในห้วงปลายเดือน ปลายเดิน ต.ค. กองกำลังนาวิกโยธินMEW Marine Expidient Unit ของสหรัฐ ได้เข้ามาทำการฝึกยกพล ที่บริเวณ ลอสปาลอส มีการใช้ เรื่อบรรทุกเครืองบิน เป็นฐานบินเคลื่อนที่ในการใช้อากาศยานสนับสนุน การฝึก รวมทั้ง มีการ ฝึกการลว.ขั้นต้น ให้กับ ทหารติมอร และการปฏิบัติการกิจการพลเรือนในเรื่องการช่วยเหลือทางมนุษย์ธรรม โดย ทหารสหรัฐได้มีโครงการที่จะเข้ามาทำการฝึก ในพื้นที่นี้ ทุกปี  ภารกิจแฝง ของ คือ การสนับสนุนมาตารการรักษาคาวมปลอดภัย ให้กับ ปธน จอรช์ บุช ที่ กลับจากประชุมที่เมืองไทย และเดินทางมาพักที่บาหลี ในวันที่ 22 ต.ค. เป็นเวลา 4 ชม ก่อนที่จะเดินทางต่อไปยังออสเตรเลีย .

 

กลับสู่หน้าหลัก