เครื่องแยกเนื้อและเปลือกหอยเชอรี่
(Meat and Shell Golden Apple Snail Separating Machine)
วิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีสุพรรณบุรี
สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา กระทรวงศึกษาธิการ
สิทธิบัตรเลขที่คำขอ 066001
ทุนอุดหนุนการวิจัย สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช)
เครื่องแยกเนื้อและเปลือกหอยเชอรี่
หอยเชอรี่ เป็นสัตว์ศัตรูที่กัดกินทำลายต้นข้าวและพืชน้ำเศรษฐกิจก่อให้เกิดความเสียหายคิดเป็นมูลค่ามหาศาลต่อปี การกำจัดหอยเชอรี่ด้วยสารเคมีนอกจากจะเสียเงินซื้อสารเคมีแล้วยังมีผลทำให้สิ่งมีชีวิตในน้ำตายอีกด้วย นอกจากนี้ยังเกิดผลกระทบต่อระบบนิเวศและสิ่งแวดล้อม ปัจจุบันมีผู้นำหอยเชอรี่มาใช้ประโยชน์มากขึ้น โดยนำมาใช้เป็นอาหารสัตว์และผลิตปุ๋ยอินทรีย์สกัดจากหอยเชอรี่ แต่การใช้หอยเชอรี่ทั้งเนื้อและเปลือกมาทำนั้นมีผลทำให้ผลิตภัณฑ์ข้างต้นมีคุณภาพต่ำกว่าการใช้เนื้อหอย
เพียงอย่างเดียว จากการประดิษฐ์คิดค้นเครื่องแยกเนื้อและเปลือกหอยเชอรี่เมื่อหลายปีที่ผ่านมา คณะผู้ประดิษฐ์คิดค้นได้ปรับปรุงและพัฒนาตลอดเวลาจนได้เครื่องจักรที่มีความสามารถในการทำงานได้อย่างเต็มที่เป็น
ที่น่าพอใจ (ดูข้อมูลจำเพาะของเครื่อง) โดยได้รับความร่วมมือจากสมาคมครูอาชีวเกษตรแห่งประเทศไทย วิทยาลัยเทคนิคปราจีนบุรี วิทยาลัยเทคนิคธัญญบุรี โดยมีวิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีสุพรรณบุรี เป็นผู้ประสานงาน
ข้อมูลจำเพาะ : เครื่องแยกเนื้อและเปลือกหอยเชอรี
อัตราการผลิต : ชั่วโมงละ 223.88 กิโลกรัม หรือประมาณ 2.0 ตันต่อวัน
สัดส่วนการแยก : หอยเชอรี่สด : เนื้อ : เปลือก = 100 : 40 : 40
การปนของเปลือกในเนื้อหอย : 16.4 เปอร์เซ็นต์
ความสูญเสียเนื้อหอย : 5.28 เปอร์เซ็นต์
ขนาดของมอเตอร์ : 2.0 แรงม้า
ขนาดมิเตอร์ไฟฟ้า : ขั้นต่ำ 15 แอมป์
ขนาดเครื่องจักร : 580 x 1,210 x 1,210 มิลลิเมตร
น้ำหนักรวม : 300 กิโลกรัม
หมายเหตุ : ข้อมูลอาจเปลี่ยนแปลง โดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า
ติดต่อสอบถามรายละเอียดได้ที่
สมาคมครูอาชีวเกษตรแห่งประเทศไทย
ที่อยู่ ศูนย์ฝึกอบรมวิศวกรรมเกษตร ต.บางพูน อ.เมือง จ.ปทุมธานี 12000
โทรศัพท์ 0 – 2567 – 6523 โทรสาร 0 – 2567 – 5622
หรือ โทรศัพท์/โทรสาร 035 – 595 - 056 มือถือ 08 – 9818 - 7299
ชื่อผู้ประดิษฐ์ นิติชัย สุขวิลัย เทพนม เกษมณี ฤทัยวรรณ สุขเสริม อนุชิต แสนชา ภาณุพงศ์ เพ็ชรปานกัน นันทศักดิ์ ชินนุรัตน์ สมเกียรติ แตงวงษ์ กมล อินสว่าง สุรศักดิ์ จันทร์รวม จุฑารัตน์ ค้อหล้า วรรณา เดชวารี และอุดมศักดิ์ กู้ฉิมชัย
ครูที่ปรึกษา สมศักดิ์ เพ็ชรปานกัน มนูญ ชำนาญเกษกรณ์ และวนิดา แอนนัส
เครื่องกระจายฟางข้าว
(เครื่องเติมปุ๋ยน้ำในแปลงเกษตรจากฟางข้าว)
วิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีสุพรรณบุรี
สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา กระทรวงศึกษาธิการ
สิทธิบัตรเลขที่คำขอ 0403000096
ทุนอุดหนุนการวิจัย สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช)
ความสำคัญของปัญหา
ข้าวเป็นพืชเศรษฐกิจที่สำคัญทั้งการบริโภคภายในประเทศและส่งออกในตลาดโลก ในปี พ.ศ. 2543 ประเทศไทยผลิตข้าวได้รวม 24.2 ล้านตันข้าวเปลือก ใช้เพื่อการบริโภค ทำพันธุ์ และอื่นๆ ในประเทศรวม 13.6 ล้านตันข้าวเปลือก ส่งออกไปขายในตลาดโลก 9.2 ล้านตันข้าวเปลือก หรือ 6.1 ล้านตันข้าวสาร มีมูลค่า 67,914 ล้านบาท และในปี พ.ศ. 2544 ประเทศไทยผลิตข้าวได้รวม 27 ล้านตันข้าวเปลือก ใช้เพื่อการบริโภค ทำพันธุ์ และอื่นๆ ในประเทศรวม 15 ล้านตันข้าวเปลือก ส่งออกไปขายในตลาดโลก 12 ล้านตันข้าวเปลือก หรือ 7 ล้านตันข้าวสาร มีส่วนแบ่งในตลาดโลกมากที่สุดคิดเป็นร้อยละ 30 หลังจากเก็บเกี่ยวผลผลิตข้าวด้วยรถนวดข้าวแล้ว ส่วนที่เหลือตกค้างอยู่ในแปลงนา คือ ฟางและตอซังข้าวที่มีอยู่ประมาณ 300 - 1,000 กิโลกรัมต่อไร่ เมื่อเน่าเปื่อยสลายตัวแล้วจะให้ธาตุไนโตรเจนประมาณ 6.0 กิโลกรัม ธาตุฟอสฟอรัสประมาณ 1.4 กิโลกรัม ธาตุโปแทสเซี่ยมประมาณ 17.0 กิโลกรัม ธาตุกำมะถันประมาณ 4.0 กิโลกรัม ธาตุแมกนีเซียมประมาณ 1.0 กิโลกรัม และธาตุซิลิกอนประมาณ 50.0 กิโลกรัม ซึ่งธาตุซิลิกอนจะมีส่วนช่วยทำให้ต้นข้าวแข็งแกร่งมีผลทำให้แมลงศัตรูข้าวไม่สามารถเข้าทำลายได้ ดังนั้น จึงมีคำกล่าวที่ว่าฟางและตอซังข้าวที่สลายแล้วช่วยลดการใช้ปุ๋ยเคมีได้ แต่เนื่องจากการทำนาครั้งต่อไปเกษตรกรส่วนใหญ่จะเผาฟางข้าวก่อนที่จะไถนาเตรียมดินเพื่อการปลูกข้าว ด้วยเหตุผลที่ว่าสะดวกในการไถย่ำโดยไม่มีฟางติดผาลไถที่จะทำให้เสียเวลาในขณะปฏิบัติงาน (เสน่ห์,2546)หรือถ้าปล่อยหมักทิ้งไว้ให้เปื่อยยุ่ยต้องใช้เวลานานทำให้เสียเวลามากขึ้นการเผาฟางข้าวนอกจาก
จะทำให้เกิดการสูญเสียฟางและตอซังข้าวซึ่งเป็นอินทรีย์วัตถุที่จะสามารถย่อยสลายกลายเป็นปุ๋ยบำรุงดินให้แก่
ต้นข้าวโดยตรงแล้วความร้อนจากไฟที่ลุกไหม้ยังเป็นอันตรายที่ทำลายจุลินทรีย์ที่เป็นประโยชน์และสิ่งมีชีวิตอื่นๆ
ที่อยู่ในดินอีกด้วยนอกจากนี้กลุ่มควันไฟที่เกิดขึ้นนอกจากจะทำให้เกิดผลกระทบต่อสภาพแวดล้อมโดยตรงแล้ว (ดวงเดือน, 2542) ยังเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุบนท้องถนนหลวงดังกรณีตัวอย่างล่าสุดเมื่อวันที่ 2 เมษายน พ.ศ. 2545 บนถนนหลวงสายเอเชียท้องที่อำเภอวังน้อย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ได้เกิดอุบัติเหตุรถชนกัน 19 คัน เนื่องมาจากการเผาฟางข้าวและเกิดกลุ่มควันหนาทึบครอบคลุมพื้นที่ และถนนสายดังกล่าวเป็นระยะทางยาวมากกว่า 10 กิโลเมตร ทำให้เกิดความสูญเสียทั้งทรัพย์สิน เวลา
ข้อมูลจำเพาะ : เครื่องกระจายฟางข้าว (Spreader)
อัตราการผลิต : ชั่วโมงละ 6.25 ไร่
ความเร็วรอบ : 350 รอบต่อนาที
ฟางกระจายทั่วแปลง : 84.4 เปอร์เซ็นต์
ความสูญเสียตอซังข้าว : 3.24 เปอร์เซ็นต์
ขนาดของเครื่องยนต์ : 11.0 แรงม้า
ขนาดเครื่องจักร : 1,500 x 3,210 x 810 มิลลิเมตร
น้ำหนักรวม : 400 กิโลกรัม
หมายเหตุ : ข้อมูลอาจเปลี่ยนแปลง โดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า
ติดต่อสอบถามรายละเอียดได้ที่
วิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีสุพรรณบุรี
ที่อยู่ 288 หมู่ 1 ต.ด่านช้าง อ.ด่านช้าง จ.สุพรรณบุรี 72180
โทรศัพท์/โทรสาร 035 – 595 – 055 - 6 มือถือ 08 – 9818 - 7299
ชื่อผู้ประดิษฐ์ นิติชัย สุขวิลัย เทพนม เกษมณี ฤทัยวรรณ สุขเสริม อนุชิต แสนชา
ภาณุพงศ์ เพ็ชรปานกัน นันทศักดิ์ ชินนุรัตน์ สมเกียรติ แตงวงษ์
กมล อินสว่าง สุรศักดิ์ จันทร์รวม และอุดมศักดิ์ กู้ฉิมชัย
ครูที่ปรึกษา สมศักดิ์ เพ็ชรปานกัน ทองคำ เพ็ชรปานกัน มนูญ ชำนาญเกษกรณ์
บรรเทิง เกิดปรางค์ และวนิดา แอนนัส
มีด - วงดาว
(Knife of Round Star)
วิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีสุพรรณบุรี
สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา กระทรวงศึกษาธิการ
สิทธิบัตรเลขที่คำขอ 0703000299
ทุนอุดหนุนการวิจัย สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช)
ผลการศึกษาวิจัย
การจัดทำงานวิจัยครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาประสิทธิภาพและเปรียบเทียบระยะเวลาการทำงานของมีด-วงดาว ชนิดมุมของใบมีดเอียงกับระดับพื้นดิน 0, 15, 30 และ 45 องศา
โดยกลุ่มตัวอย่างเป็นนักศึกษาวิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีสุพรรณบุรี ปีการศึกษา 2550 จำนวน 10 คน ได้มาจากการสุ่มตัวอย่างง่าย (Simple random sampling) เครื่องมือใช้ในการศึกษา ได้แก่ มีด-วงดาว ชนิดมุมของใบมีดเอียงระดับพื้นดิน 0, 15, 30 และ 45 องศา กำหนดให้กลุ่มตัวอย่างผ่ากระบอกไม้ไผ่แห้ง คนละ 4 ท่อน โดยใช้มีด-วงดาว ชนิดมุมของใบมีดเอียงกับระดับพื้นดิน 0, 15, และ 45 องศา อย่างละ 1 ท่อน หลังจากนั้นให้กลุ่มตัวอย่างผ่ากระบอกไม้ไผ่สด คนละ 4 ท่อน โดยใช้มีด-วงดาว ชนิดมุมของใบมีดเอียงกับระดับพื้นดิน 0, 15, 30 และ 45 องศา อย่างละ 1ท่อน เช่นเดียวกัน ตามลำดับ เพื่อให้ได้ไม้ปักชำกิ่งทาบมะม่วงที่มีขนาดความกว้าง 2.0 เซนติเมตร จำนวน 12 อัน พร้อมกับบันทึกเวลาในการทำงานของอุปกรณ์ที่ใช้แต่ละชนิด เพื่อนำมาวิเคราะห์ข้อมูลโดยการทดสอบค่า ที (t – test) และวิเคราะห์ความแปรปรวน (ANOVA)
ผลการศึกษาพบว่า
1. ระยะเวลาในการทำงานของมีด-วงดาว ชนิดมุมของใบมีดเอียงกับระดับพื้นดิน 0, 15, 30 และ 45 องศา ระหว่าง ไม้ไผ่แห้ง กับไม้ไผ่สด มีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ .05
3. เวลาในการผ่าไม้ไผ่แห้งระหว่าง มีด-วงดาว ชนิดมุมของใบมีดเอียงกับกระดับพื้นดิน 0, 15, 30 และ 45 องศา มีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญยิ่งทางสถิติที่ .01
4. เวลาในการผ่าไม้ไผ่สด ระหว่าง มีด-วงดาว ชนิดมุมของใบมีดเอียงกับระดับพื้นดิน 0, 15, 30 และ 45 องศา มีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญยิ่งทางสถิติที่ .01
จากการศึกษา พบว่า มีความเป็นไปได้ในการใช้มีด-วงดาวเพื่อผลิตไม้ปักชำกิ่งทาบมะม่วงจากกระบอกไม้ไผ่ชนิดมุมของใบมีดเอียงกับระดับพื้นดิน 45 องศา จะมีประสิทธิภาพในการทำงานสูงสุดโดยสามารถผลิตไม้ปักชำกิ่งทาบมะม่วงที่ได้มีความสม่ำเสมอ ทำให้มีรายได้มากกว่า และใช้ระยะเวลาคืนทุนที่เร็วกว่า เมื่อเปรียบเทียบกับมีด-วงดาว ชนิดมุมของใบมีดเอียงกับระดับพื้นดิน 0, 15 และ 30 องศา
วิธีการใช้งานของมีด-วงดาว
ตัดไม้ไผ่เป็นท่อนๆ มีขนาดความยาวประมาณ 100 เซนติเมตร วางท่อนไม้ไผ่บนแผ่นเขียงไม้ แล้ววางคมของมีด-วงดาว ลงบนกระบอกไม้ แล้วกระแทกลงบนแผ่นเขียงไม้รองรับการกระแทก กระแทกประมาณ 10 ครั้งต่อท่อน จนสุดแล้วค่อยๆ ปล่อยออกจากกัน โดยระมัดระวังอุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้นได้ เมื่อได้ชิ้นงานแล้วนำมาเก็บรายละเอียดให้เรียบร้อย เมื่อทำงานเสร็จแล้วให้สะอาดอุปกรณ์ให้เรียบร้อย
การบำรุงรักษามีด-วงดาว
เมื่อใช้อุปกรณ์เสร็จแล้วควรทำความสะอาดให้เรียบร้อย เก็บใส่กล่องให้เรียบร้อย ควรเช็คความแข็งแรงและความสะอาดอยู่เสมอ
การประกันคุณภาพ ประกันความเสียหายหรือข้อบกพร่องจากการประดิษฐ์นาน 1 ปี
สนใจติดต่อสอบถาม : วิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีสุพรรณบุรี
288 หมู่ที่ 1 ตำบลด่านช้าง อำเภอด่านช้าง จังหวัดสุพรรณบุรี 72180
ข้อมูลจำเพาะ : มีด-วงดาว
อัตราการกระแทก : กระแทกเพื่อผ่าไม้ไผ่เฉลี่ย 9 ครั้งต่อท่อน
ความเร็วการผ่าไม้ไผ่ : การผ่ากระบอกไม้ไผ่เฉลี่ย 9.08 วินาทีต่อท่อน
จำนวนชิ้นไม้ที่ได้ : ชิ้นไม้ที่ผ่าได้เฉลี่ย 112.78 ชิ้นต่อนาที
คุณภาพของไม้ที่ผลิตได้ : คุณภาพไม้ที่ได้อยู่ในระดับดี
ราคา : ราคาอุปกรณ์ชิ้นละ 850 บาท
ขนาด : 200 x 910 x 140 มิลลิเมตร
น้ำหนักรวม : 2 - 4 กิโลกรัม
หมายเหตุ : ข้อมูลอาจเปลี่ยนแปลง โดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า
ติดต่อสอบถามรายละเอียดได้ที่
วิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีสุพรรณบุรี
ที่อยู่ 288 หมู่ 1 ต.ด่านช้าง อ.ด่านช้าง จ.สุพรรณบุรี 72180
โทรศัพท์/โทรสาร 035 – 595 – 055 - 6 มือถือ 08 – 9818 - 7299
ชื่อผู้ประดิษฐ์ นิติชัย สุขวิลัย เทพนม เกษมณี วรรณา เดชวารี จุฑารัตน์ ค้อหล้า
ภาณุพงศ์ เพ็ชรปานกัน ไพรินทร์ เพ็ชรปานกัน และกิตติ จ้อยทองมูล
ครูที่ปรึกษา สมศักดิ์ เพ็ชรปานกัน ทองคำ เพ็ชรปานกัน บรรเทิง เกิดปรางค์
ศศิยา ยุบรัมย์ จารุวรรณ วงเวียน มนูญ ชำนาญเกษกรณ์ สมชาย
มัจฉา จิราภรณ์ อ่ำแจ้ง และวนิดา แอนนัส