ดาวบนดินกับพระจันทร์เต็มดวงที่ภูทับเบิก

 




 

การเดินสำหรับทริปนี้ของเรา มีบางคนถามเล่นๆว่าเราโง่หรือบ้า มีคำตอบเล่นๆคำตอบหนึ่ง  "เรามาด้วยแรงศัทธา"
ที่ทำให้เราเข้าใจถึงความสุขที่เกิดขึ้น ในใจของคนเดินทาง มีหลายเรื่องราวในชีวิตของคนเรา ที่ทำบางอย่างนอกเหนือเหตุผล......

 เช้า 22 ม.ค. 48 จุดนัดหมายแรก อาหารเช้าก๋วยเตี๋ยวลูกชิ้นปลานครสวรรค์ ร้านบิ๊กบอส ซึ่งเป็นทำเลที่เหมาะกับการนัดหมาย ของคนเดินทาง กับบรรยากาศสบายๆที่สวนอุทยานนครสวรรค์ ที่อยู่ติดกับร้าน ทริปนี้เรามีทั้งหมด 5 คัน ส่วนคันที่5 (พี่เล็ก)หนีไปใช้เส้นสระบุรี-เพชรบูรณ์ เพื่อหวังจะแวะดูทุ่งทานตะวันที่ลพบุรี  แต่ก็ต้องผิดหวัง มีเพียงดอกทานตะวันเหี่ยวๆ (หน้าสามี) ที่ต้องนั่งทนมองจนถึงภูทับเบิก หลังลงจากรถก็เกิดอาการ อ๊วก ที่แรกนึกว่าทางคดโค้งสูงชัน มารู้ที่หลัง เพราะเอียนหน้าสามีนี่เอง

 จากนครสวรรค์ถึงพิษณุโลกราว 120 ก.ม. ถนนเสร็จเรียบร้อยตลอด แวะกราบขอพรพระพุทธชินราชในตัวเมือง ก่อนจะแวะพักทานอาหารกลางวันที่ร้าน "ถิ่นไทย ลานสั่นทม" ที่เราติดใจในบรรยากาศริมลำธารและแก่งเล็กๆ ที่อยู่เลย อ.วังทอง ราว 30 ก.ม. ก่อนถึงทางเข้าน้ำตกแก่งซองประมาณ 1 ก.ม. เราใช้เวลาอยู่ที่ร้านเกือบ 2 ช.ม. เพราะรสชาติอาหาร บวกกับบรรยากาศ และเรื่องเล่าที่น่าอับอาย ของคุณลักขณา เมื่อตอนไปรอรถที่หน้าห้างโลตัส (เรื่องเป็นอย่างไรไปฟังเจ้าตัวเล่าเองนะ) พวกเราออกจากร้านราวๆบ่ายสาม

 เดินทางต่ออีกไม่ไกลก็ถึงแยกบ้านแยง แยกซ้ายไปทาง อ.นครไทย ราว 20 ก.ม. แล้วแยกขวาตามป้ายไป อช.ภูหินร่องกล้า เสียค่าเข้าอุทยานฯ รถ 4คัน คน 9 คน (เด็กฟรี) ราว 290 บาท  ระยะทางจากด่านถึงที่ทำการ ราว 10 ก.ม. เป็นทางขึ้นเขาสูง

วันนี้เราคงไม่แวะที่ภูหินร่องกล้า แค่มองผ่านบรรยากาศเก่าๆ กับ ดอกซากุระริมทาง ผ่านสถานที่ท่องเที่ยวหลายแห่ง อย่างลานหินแตก ที่มีลักษณะเหมือนหน้าพี่เป๊ก โรงเรียนการเมือง ที่น่าส่งพี่สมพงษ์ไปเป็นหัวหน้า หรือน้ำตกหมันแดง ที่ลุงโต้งกลัวนักกลัวหนา กลัวถูกกล่าวหาว่าเป็นหมัน แต่ตอนนี้ลุงเขามีลูกแล้วนะ (แต่แม่กำลังหาอยู่)

เราเดินทางไปเรื่อยๆจนถึงทางแยก ให้แยกขวาไปหล่มสัก เพราะมีพวกเราบางคันหลงตรงไปเพราะมัวแต่โรแมนติกกันในรถหรือเปล่านะ....พี่วิเชียร

ระยะทางจากที่ทำการไปทับเบิกราว 26 ก.ม. เป็นทางโค้งบนเขาไม่สูงชัน ขับสบายๆ ช่วงนี้ฝนเริ่มตกลงมา บรรยากาศของป่าเปลี่ยนไปท้องฟ้าสลัวครึ้ม สายหมอกปรกคุมเหนือยอดทิวไม้ใหญ่  อากาศชุ่มช่ำเย็นสบาย เป็นเสน่ห์ของป่าอีกแบบ

 เรามาถึงที่กางเต็นท์ยอดทับเบิกก่อนพระอาทิตย์ตกเล็กน้อย ที่กางเต็นทับเบิกเป็นชั้นๆ คล้ายนาคั้นบันได ด้านบนมีเต็นท์อยู่แล้ว 2-3 กลุ่ม พวกเราเลือกกางด้านล่างติดไร่กระหล่ำปลี

 ค่ำคืนพระจันทร์เต็มดวงเหนือนยอดเขา อากาศค่อยๆหนาวเย็นขึ้นเรื่อยๆ อาหารมื้อค่ำคืนนี้ หมูย่างฝีมือพี่สมพงษ์  ที่ขับรถลงมาจากเชียงใหม่ รับครอบครัวที่กรุงเทพไปนอนภูทับเบิก 1 คืนก่อนกลับเชียงใหม่ ถ้าไม่มีความรักและศัทธาคงทำไม่ได้แน่

อากาศยามเช้าที่ทับเบิกหนาวเย็นเอาการ หลังอาหารเช้าเราแวะอุดหนุนสินค้าชาวเขาที่หน้าทางเขา ก่อนแวะจุดชมวิวก่อนถึงบ้านน้ำเพียงดิน เพื่อมองดูความยิ่งใหญ่ของขุนเขาแห่งนี้

ทางลงเขาเป็นทางลาดชัน ระยะทางราว 10 ก.ม.แต่ไม่ถึงกับน่ากลัว ก่อนกลับแวะทานอาหารกลางวันร้านตาแปะ2 ที่อ.วิเชียรบุรี คนเยอะ อร่อยใช้ได้ ราคาไม่แพง เราแยกย้ายกันที่ตรงนี้ เก็บไว้เพียงความทรงจำที่ดีของเพื่อนร่วมทาง

ปรัชญาสำหรับทริปนี้
  เวลาไม่ใช่เครื่องวัดสำหรับทุกสิ่ง หากอยู่ที่ "ความตั้งใจ" และ "ศัทธา"
  ที่จะเป็นพลังนำเราไปสู่จุดหมายปลายทาง

Home | [ ปิดหน้าต่างนี้ ]