่ า น เ มื อ ง แ ห่ ง ขุ น เ ข า แ ล ะ ท ะ เ ล ห ม อ ก

 

4 ธันวา 2545 ปีที่อากาศหนาวมาเยือนช้ากว่าปรกติ กว่าพวกเราจะรวมตัวกันครบที่บ้านสุพรรณ ก็ปาเข้าไปตี 2 พวกเราขับไปเรื่อยๆไม่รีบร้อนไปนอนเอาแรงก่อนเช้ามืด ที่พิษณุโลก และต่อไปอุตรดิษฐ์นัดเจอกับคุณเต๊ะป่าไม้แพร่ ซึ่งจะเป็นผู้นำทางกระปกกระเปรี้ยทัวร์ครั้งนี้ เส้นทางสู่น่านกำลังขยายเป็น 4 เลนแต่ก็วิ้งได้สบาย จากแพร่มุ่งสู่น่านก่อนถึงอ.เวียงสาจะมีทางลัดขึ้นเขา ประมาณ 24 ก.ม. ก็จะถึงอุทยานฯ ขุนสถาน ซึ่งตั้งบนเขาสูง  ที่นี่เราได้บ้านพักที่อยู่ด้านบนสุดสามารถมองทิวทัศน์ ของทะเลขุนเขาได้กว้างไกล และรอบๆบริเวณยังเต็มไปด้วยต้นซากุระ ซึ่งจะงดงามมากในช่วงเดือนมกราถึงกุมภา โชคดีที่เราเตรียมอาหารไว้ก่อนแล้ว มื้อกลางวันบนภูสูงโดยเหล่าแม่ครัวมือใหม่มือเก่าเหลาเหย่ และมือจำเป็นทั้งหลายที่มะรุมมะตุ้มกันปรุงอาหารมื้อนี้ ที่เห็นจะเด็ดสุดก็คงจะเป็นเห็ดหอมสดน้ำมันหอยกระจี้รี่ กับหมูยอเด่นชัยดุ่นกำลังเหมาะที่น้องบุษกับน้องเล็ก 2 สาวโสดของเราที่เห็นแล้วน้ำลายใหลฟูมปาก อากาศเริ่มเย็นลงเรื่อยๆพร้อมกับดวงอาทิตย์ที่ค่อยๆอ่อนแสงลง เป็นช่วงเวลาของคอเหล้าอย่างแท้จริง ไวน์ขวดยักษ์ที่ค่อยๆหายไปพร้อมกับดวงตะวัน ความมืดและความหนาวเย็นและเสียงกีต้าร์เบาๆเข้ามาแทนที่ ดาวที่เต็มฟ้าในคืนนั้นทำให้ใครบ้างคน นั่งมองดาวและคิดว่าจะมีใครกำลังมองดาวดวงเดียวกัน หรือเปล่าหนอ เช้ารุ่งขึ้นเรื่องน่าเศร้าป้านิดต้องมีอันจากเราไป ก่อนเวลาอันควร.....เนื่องจากสภาพถนน สังขาร และอาการแพ้ท้องที่ 8 ปีแล้วยังไม่ยอมคลอด ทำให้สมาชิกลดลงไปอีก 3 คน จากขุนสถานเรามุ่งหน้าสู่ปากนาย ระยะทาง 70 ก.ม. ที่นั้นเป็นแพที่ลอยอยู่ในเขื่อน เมนูวันนั้นก็เต็มไปด้วยปลาสารพัดชนิด จนพวกเราตั้งใจว่าจะว่ายน้ำกลับกรุงเทพแล้วซิ จากปากนายย้อนกลับมาผาชู้ ระยะทาง 50 กว่าก.ม. ที่ผาชู้สถานที่กางเต็นท์สอาดและสวยงามมาก เสียดายที่วันนั้นอากาศไม่หนาว แต่คืนนั้นเราก็ยังได้นั่งมองดาว และตื่นเช้าพร้อมกับทะเลหมอกที่เกือบจะมาสวัสดีเราที่หน้าเต็นท์ นับว่าเป็นที่ที่เหมาะกับการกางเต็นท์มากที่สุดแห่งหนึ่ง จากผาชู้เรามุ่งหน้าสู่เมืองน่านแวะทานอาหารกลางวันร้านข้าวแกง-ขนมจีน ริมแม่น้ำน่านอร่อยทีเดียว จากเมืองน่านไปดอยภูคา วันนี้นักท่องเที่ยวค่อนข้างเยอะ แต่โชคดีเราได้บ้านพักของหัวหน้าอุทยานฯ ไม่ต้องกางเต็นท์ ตอนเย็นเราขับรถขึ้นไปยังลานดูดาว เห็นแต่ลาวนึกว่าใครที่แท้น้องติ๋มเป็นสะแนดนี้เอง ที่นี้พระอาทิตย์ตกสวยงามเกินบรรยาย เรานั่งกินอาหารเย็นที่ศาลาลานดูลาว เอ๊ย ดาว สงสารก็แต่ 2 สาวโสดของเรา ที่นั่งเหม่อมองดาวหาลาวหนุ่มๆซักคนก็ไม่มี เช้านี้เราตื่นขึ้นไปดูทะเลหมอกที่อยู่เลยลานดูดาวไปอีก 2 ก.ม. ทะเลหมอกที่นี่สวยไปอีกแบบมีคนขึ้นไปดูไม่ถึง 20 คน แม้จะเป็นวันหยุดยาว หลังจากได้สัมผัสไอหมอกและต้นชมพูภูคาที่หายาก เรากลับลงมาที่บ้านพัก เพื่อรำลาหัวหน้าอุทยานผู้ใจดี และเตรียมตัวกลับกรุงเทพ แวะบ้านหนองบัวแวะทำตัวเป็นไทลื้อ รื้อเสื้อผ้าหมดไปอีกหลายพัน แวะกินข้าวซอยทางสายเก่าเข้าแพร่อร่อยอย่าบอกใคร เลยแพร่มาหน่อยก็เป็นพวกเฟอร์นิเจอร์ไม้สักราคาไม่แพง และตรงแยกเด่นชัย หมูยอ ใส้อั่ว ไม้กวาด กาแฟสด มีให้ช๊อปกันอย่าจุใจ กลับกรุงเทพเฉลี่ยค่าใช้จ่าย4วัน4คืนไปคนละ 540 บาท แต่เสียค่าช๊อปปิ้งไปหมื่นห้า....เฮ้อ

Home | [ ปิดหน้าต่างนี้ ]