หนุ่มสาวดัดจริต > ศาลที่เคารพ

ศาลที่เคารพ

ก่อนอื่น กระผมต้องขอขอบพระคุณศาลเป็นอย่างสูง ในการที่ได้ให้โอกาสแก่กระผมที่จะได้มากล่าว ณ ตรงนี้ ทั้งศาลเองก็ได้แสดงตนว่าพร้อมที่จะเปิดใจรับฟังด้วยมนสิการ

สิ่งที่กระผมจะแสดงต่อศาลวันนี้ มิได้เป็นการแก้ต่างให้กับผู้ใด เป็นเพียงแต่ความพยายามที่จะแสดงให้เห็นความจริงบางอย่างต่อศาล ความจริงในอีกเหลี่ยมหนึ่งของความจริงหลายเหลี่ยม กระผมหวังใจเป็นอย่างยิ่งว่า ศาลคงจะเมตตา พินิจพิจารณาความจริงหลายเหลี่ยม ที่ถูกนำมาแสดง ณ ที่นี้ อย่างละเอียดลึกซึ้ง

สังคมปัจจุบันประกอบไปด้วยความหลากหลาย ความแตกต่างหลากหลายที่สำคัญที่สุด คือ ความแตกต่างหลากหลายทางความคิดเห็น ความรู้ ความคิด และความเชื่อ ความแตกต่างหลากหลายเหล่านี้ ย่อมเป็นเครื่องแสดงให้เห็นถึง ความอุดมสมบูรณ์แห่งผืนนาของเผ่าพันธุ์มนุษยชาติ ดังนั้น ความแตกต่างหลากหลายจึงมิใช่เรื่องอันตราย หรือเป็นยาพิษแห่งสังคมแต่อย่างใด อย่างไรก็ตาม ความแตกต่างหลากหลายอาจจะเป็นปัจจัยสำคัญ ที่ทำลายสังคมให้เกิดภาวะเดือดร้อนทุกหย่อมหญ้า หากสังคมขาดกลไกที่จะจัดการ ให้เกิดภาวะประนีประนอมระหว่างความแตกต่างหลากหลายนั้น

ภาวะประนีประนอมที่ดีอาจจะแบ่งได้สองประเภท คือ ประนีประนอมด้วยสติปัญญา และประนีประนอมด้วยศรัทธา ในที่นี้ขอละเว้นการกล่าวถึงภาวะประนีประนอมที่เลวอย่าง การประนีประนอมเพื่อสร้างมายาคติว่าด้วยความสามัคคี หรือการประนีประนอมเพื่อมุ่งหวังผลอื่น นอกเหนือจากการอยู่ร่วมกันโดยสันติและเมตตา

อย่างที่ได้กล่าวมาแล้วข้างต้น ว่าความจริงนั้นมีหลายเหลี่ยม ท่านพุทธทาสได้เคยกล่าวไว้ว่า ความจริงของคนหนึ่ง อาจจะไม่เหมือนกับของอีกคนหนึ่งก็เป็นได้ กระผมขอบังอาจขยายความเพิ่มเติมว่า สิ่งที่เรายึดมั่น ถือมั่น ว่าเป็นความจริงแท้ สัจจะแท้ อาจจะไม่เหมือนสิ่งที่คนอื่นยึดมั่น ถือมั่น ว่าเป็นความจริงแท้ สัจจะแท้ ทั้งที่สิ่งที่ได้ชื่อว่าเป็นความจริงแท้ สัจจะแท้ มีเพียงหนึ่งเดียว แต่ถูกมองเห็นได้ต่างกัน เปรียบได้กับของทรงกลม เราอาจจะมองเห็นว่าเป็นลูกฟุตบอล แต่คนอื่นอาจจะมองเห็นว่าเป็นลูกปิงปอง ลูกเทนนิส ลูกบาสเกตบอล ลูกวอลเลย์บอล ก็เป็นไปได้ แต่สิ่งที่ไม่เปลี่ยนแปลงคือ เรามองเห็นวัตถุทรงกลมเหมือนกัน ดังนั้น จึงไม่มีประโยชน์ที่จะมาถกเถียงกัน ในเรื่องการมองเห็นความเป็นจริงที่ต่างกัน ฉันใดฉันนั้น เราจึงไม่ควรจะนำเอาความยึดมั่นถือมั่นของเราไปยัดเยียดให้กับผู้ใด

เมื่อเพ่งเล็งมองเห็นความเป็นจริงดังกล่าวแล้ว ภาวะการประนีประนอมด้วยสติปัญญาจึงเกิดขึ้นได้ไม่ยาก แต่การมองเห็นความเป็นจริงดังกล่าวย่อมเกิดขึ้นมิได้ หากปราศจากซึ่งความรู้ ความเข้าใจ อันนำไปสู่การยอมรับในที่สุด

ความรู้ย่อมบังเกิดจาก สติปัญญาที่จะหยั่งมองสิ่งต่าง ๆ อย่างลึกซึ้ง อ่อนโยน คดีที่ศาลกำลังพิจารณาอยู่ขณะนี้ จำเลยถูกกล่าวหาว่ากระทำผิด เป็นทุรชน ไม่สมควรได้รับการให้อภัย และควรแล้วที่จะถูกรับโทษ กระผมใคร่ขอให้ศาลเมตตา พิจารณาถึงที่มาแห่งการกระทำนั้นโดยละเอียด

บุคคลใดก็ตามที่บังเกิดมาในโลกนี้ เขาย่อมมีปูมหลัง พื้นภูมิ ในการตัดสินใจที่จะกระทำสิ่งใด ปูมหลัง พื้นภูมิ ภาวะจิตใจ สิ่งแวดล้อม สถานการณ์ในขณะนั้น เหล่านี้ ย่อมเป็นปัจจัยเกี่ยวข้องสำคัญอย่างยิ่ง ที่นำไปสู่การตัดสินใจ เรามักจะพูดว่า "ถ้าหากเป็นเรา เราคงไม่ทำเช่นนั้น แต่เราคงทำเช่นนี้" - แต่ศาลที่เคารพ ด้วยคำว่า "ถ้า" เราสามารถเอาโลกใส่ขวดน้ำได้ - เราจะเข้าใจบุคคลหนึ่งได้อย่างละเอียดลึกซึ้ง เราต้องเป็นตัวเขาจริง ๆ ต้องถอดหัวใจใส่วิญญานเป็นบุคคลผู้นั้น จึงจะสมกับคำที่ว่า "เอาใจเขามาใส่ใจเรา"

การตัดสินใจย่อมนำไปสู่การกระทำ และการกระทำนั้นจะสมเหตุสมผลหรือไม่ ก็ขึ้นกับว่า ตาชั่งแห่งความยุติธรรมแห่งศาล ได้พิจารณาเหตุที่มาแห่งการกระทำนั้น อย่างสัมพันธ์เกี่ยวเนื่องกันหรือไม่ และด้วยจิตใจกว้างขวาง ที่สามารถมองเห็นความเป็นจริงแห่งความจริงหลายเหลี่ยมนั้นได้

ในกรณีที่ไม่สามารถหยั่งเห็นความจริงได้แจ่มชัด ภาวะการประนีประนอมด้วยศรัทธาก็เป็นอีกกรณีหนึ่งที่พึงพิจารณา มนุษย์จะอยู่ร่วมกันโดยสันติ และเมตตาซึ่งกันและกัน ก็ต่อเมื่อประกอบด้วยศรัทธาในความดีงาม ไม่มีอะไรน่าคับแค้นใจไปมากกว่ารอยร้าวแห่งมิตร ที่เกิดขึ้นเพราะความเข้าใจผิด ถูกเหยียดหยามดูหมิ่นในเกียรติยศแห่งความดี

กลไกแห่งการประนีประนอมย่อมไม่สามารถเกิดขึ้นได้ หากมนุษย์เราเต็มไปด้วยทิฐิ ยึดมั่น ถือมั่น ในคุณค่าบางอย่าง แม้กระทั่งสิ่งที่เรียกว่าจุดยืนอันน่าภาคภูมิ เมื่อปราศจากเสียซึ่งทิฐิ เราย่อมน้อมนำหัวใจให้อ่อนโยน หูของเราก็ไม่ถูกปิด ดวงตาของเราก็ไม่ถูกเมฆหมอกแห่งโลภะ โมหะ โทสะ มาบดบัง เช่นนี้แล กลไกแห่งการประนีประนอมด้วยศรัทธาเพื่อนำไปสู่สติปัญญาจึงจะเกิดขึ้นได้

ศาลที่เคารพ ชีวิตมนุษย์นั้นไม่ยืนยาว จุดหมายและหน้าที่แห่งมนุษย์ตามความคิดเห็นของกระผมก็คือ การบรรลุถึงความเป็นมนุษย์ที่แท้ รูปแบบแห่งชีวิตที่แตกต่างกัน เป็นเพียงพาหนะอันจะนำไปสู่จุดหมายเท่านั้น เป็นเพียงพาหนะแต่ไม่ใช่จุดหมาย

หากพิจารณาเป็นเส้นทาง ขณะที่เดินไปตามทาง เราย่อมถากถางทางให้พอเดินไปข้างหน้าได้ และอาจจะเผื่อคนที่เดินตามมา ขณะเดียวกันเราย่อมไม่ก้มหน้าก้มตาเฝ้าแต่ถางทางเพื่อให้ถึงจุดหมาย เราไม่มีวันลืมจุดหมายปลายทาง แต่ขณะที่เดินเราก็ไม่มัวแต่พะวงคิดถึงแต่จุดหมาย เราย่อมมีสิทธิจะชื่นชมดอกไม้ ยิ้มให้กับก้อนหิน ท้องฟ้า หรือเมฆหมอกที่รออยู่เบื้องหน้า สิ่งที่มิบังควรกระทำอย่างยิ่งก็คือ เด็ดดอกไม้โยนทิ้ง ขว้างก้อนหินให้เกะกะ มองเห็นแต่เมฆหมอกเบื้องหน้าโดยไม่มองท้องฟ้าเบื้องบน

รักที่แท้ย่อมปราศจากเงื่อนไข ดังที่มิตรสนิทผู้หนึ่งของกระผมเคยกล่าวไว้ว่า ความรักที่แท้นั้นพร้อมที่จะเข้าใจ และให้อภัย เมื่อมีปัญหา ก็พร้อมที่จะหันหน้าเข้าหากัน - เราอาจจะลืมบางสิ่งบางอย่างได้ในบางที บางเวลา แต่จะไม่มีวันลืมตลอดไป

ชีวิต - ไม่ยากและก็ไม่ง่าย - ขึ้นกับเงื่อนไขในใจ

 

ด้วยความเคารพ

ทนายของผู้ไม่ได้พูด

 

๙ พฤศจิกายน ๒๕๔๕



หน้าแรก
| ปัญญาชนสยาม | หนุ่มสาวดัดจริต | กังวานเกี่ยวข้อง | ข้าวตอกดอกมะเขือ | กลับสู่ด้านบน

เว็บไซต์นี้จัดทำด้วยความกระตือรือล้นของใครหลายคนนั้น
ก้อนหิน และหรือดอกไม้ กรุณาหารือกับนักการ
พยายามปรับปรุงข้อมูลครั้งล่าสุด เมื่อวันที่ ๔
กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๔๘