ศาสนาคือที่พึ่งทางใจ
พระมหาอักขณิช ปุณฺณวณฺโณ
ทอม เป็นชายวัยกลางคน
เป็นคนที่มีความสนใจในเรื่องที่เกี่ยวกับศาสนาหรือปรัชญาเป็นชีวิตจิตใจ ยามว่างๆ
เขามักจะหาหนังสือที่เกี่ยวกับศาสนาหรือปรัชญามาอ่านอยู่เสมอ จนอาจจะเรียกได้ว่าเป็นผู้ที่มีความรู้และเข้าใจในด้านนี้อย่างดีทีเดียว
ช่วงระยะ 4-5 ปี หลังๆ มานี้ เขาได้ให้ความสนใจในพระพุทธศาสนามากเป็นพิเศษ เขาติดตามอ่านหนังสือที่เกี่ยวกับพุทธศาสนามาตลอด
เขาชอบอ่านหนังสือที่เขียนโดย ท่านติช นัท ฮันท์ ชาวเวียดนาม องค์ดาไลลามะ ประมุขสูงสุดของชาวธิเบต
ท่านราหุล วาโปละเถระ ชาวศรีลังกา ท่านพุทธทาสภิกขุ และท่านพระธรรมปิฎก นักปราชญ์ทางพระพุทธศาสนาของเมืองไทย
และชอบแนวคำสอนและการปฏิบัติของหลวงพ่อชา สุภัทโท แห่งวัดหนองป่าพง จังหวัดอุบลราชธานี
ที่มีความลุ่มลึกและเข้าใจได้ง่าย
แต่เนื่องจากทอมเกิดในสังคมอเมริกันที่มีความเชื่อในเรื่องศาสนาแตกต่างจากสังคมของชาวพุทธโดยทั่วไป ทุกครั้งที่เขาพูดถึงเรื่องกรรม, การกลับชาติมาเกิด,อนัตตา,การปฏิบัติสมาธิ และนิพพาน ให้เพื่อนๆ ที่ร่วมงานฟัง พวกเขาเหล่านั้นกลับหาว่าทอมเพี้ยน บ้า และโง่ จนทำให้เขาเกิดความหวั่นไหว ขาดความมั่นใจ สับสน เป็นทุกข์ และเกิดความเครียดขึ้น เพราะเขารู้สึกว่าไม่มีใครเข้าใจเขาสักคน และเขาก็เริ่มจะไม่แน่ใจว่าสิ่งที่เขาได้ศึกษาเรียนรู้มาทั้งหมดนั้นถูกต้องหรือไม่
คราวหนึ่งคนไทยที่รู้จักกับทอม ได้แนะนำให้เขาหาโอกาสมาพูดคุยเพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับข้าพเจ้า ในฐานะที่ข้าพเจ้าพอที่จะมีความรู้ในด้านนี้อยู่บ้างเล็กน้อย และนั่นก็เป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้ข้าพเจ้าได้รู้จักกับทอม
ครั้งแรกที่ข้าพเจ้าเห็นทอม ข้าพเจ้ารู้สึกสงสารเขามากเหลือเกิน เพราะเขาอยู่ในสภาพของคนแปลกหน้าที่มีใบหน้าเต็มไปด้วยความทุกข์ระทม ไม่มีรอยยิ้มปรากฏออกมาจากใบหน้าของทอมแม้สักนิด คล้ายๆ กับว่ากำลังแบกโลกอันหนักอึ้งไว้บ่นบ่าคนเดียว
เขาเริ่มต้นพูดเรื่องราวของปัญหาและความทุกข์ที่เขากำลังเผชิญอยู่ให้ข้าพเจ้าฟัง ด้วยภาษาอังกฤษอย่างตะกุกตะกักและมีอาการประหม่าขาดความมั่นใจ จนข้าพเจ้าต้องบอกให้เขาทำใจให้สบาย ทำตัวให้เป็นกันเอง และค่อยๆ พูดมาทีละอย่าง เพื่อจะได้เข้าใจถึงสาเหตุที่แท้จริงได้ พอรู้สึกว่าสบายใจขึ้น เขาก็พูดถึงเรื่องราวต่างๆ เกี่ยวกับชีวิตของเขา
เราใช้เวลาสนทนาพูดคุยกันอยู่เป็นเวลา 3 ชั่วโมงเต็ม เขาถามข้าพเจ้าถึงเรื่องต่างๆ ซึ่งข้าพเจ้าก็แนะนำเขาไปทุกอย่างตามที่เขาอยากจะรู้ และเมื่อสังเกตดูใบหน้าของทอม ก็เริ่มที่จะมองเห็นรอยยิ้มปรากฏออกมาเรื่อยๆ เพราะเขารู้สึกสบายใจที่ข้าพเจ้าบอกว่าเขาไม่ได้ผิดอะไร และความคิดเห็นที่เขาพูดออกมานั้นล้วนเป็นหลักสัจจธรรมที่พุทธศาสนาได้สอนเอาไว้ทั้งสิ้น เพียงแต่ที่ทำให้เขาเกิดปัญหาหรือความทุกข์ในใจขึ้น ก็เพราะเขานำเอาสิ่งเหล่านี้ไปพูดให้เพื่อนร่วมงานที่มีความคิดเห็นแตกต่างจากเขาฟัง ผลก็เลยถูกมองด้วยสายตาที่แปลกๆ อย่างที่เห็น
ข้าพเจ้าบอกให้เขาดูแลใจตัวเอง อย่าไปสนใจคนอื่นให้มากนัก เพราะถ้าหากไม่มีใครเข้าใจหรือสนใจแล้ว ก็จะทำให้เกิดความทุกข์ขึ้นเปล่าๆ จะเหมือนกับคำพูดของ ฌอง ปอล ซาตร์ นักปรัชญาของฝรั่งเศส ที่บอกว่า"นรก คือ คนอื่น" ทางที่ดีที่สุดก็คือให้เขาศึกษาตนเอง เข้าใจตนเอง และเก็บสิ่งที่เขาเรียนรู้มาเหล่านี้เอาไว้ในใจ โดยที่ไม่จำเป็นต้องพูดให้ใครฟังเลย เพราะเป็นความรุ้และประสบการณ์ทางความคิดที่เกิดขึ้นเฉพาะตน ซึ่งบางครั้งยากแก่การที่จะอธิบายให้คนอื่นเข้าใจได้
ช่วงสุดท้ายของการสนทนา ทอมบอกข้าพเจ้าว่า โดยส่วนตัวของเขาเองแล้ว เขามีความเห็นว่า แท้ที่จริงโลกเราใบนี้ไม่มีความแตกต่างใดๆ เลย(There is no difference in the world) ไม่มีชนชั้นวรรณะ ไม่มีผิวขาวหรือผิวดำ ไม่มีคนจนหรือคนรวย ไม่มีพวกเขาหรือพวกเรา มีแต่คำว่า"เพื่อนร่วมเกิดแก่ เจ็บ และตาย" ซึ่งเราทุกคนควรที่จะแบ่งปันและมอบความรักความความห่วงใยปรารถนาดี และแผ่ความเมตตาให้กันและกันอยู่ตลอดเวลา เพื่อให้รังสรรโลกเราใบนี้ให้สดสวยงดงามมากยิ่งขึ้น
ข้าพเจ้าบอกทอมไปว่า ถูกต้องแล้ว สิ่งที่เขาพูดมาทั้งหมดนั้นถูกต้องมากเลยทีเดียว เพราะนั่นคือเป้าหมายและเจตนารมณ์สูงสุดของทุกๆ ศาสนา และเป็นหนทางที่จะนำมวลมนุษย์ชาติไปสู่โลกแห่งสันติภาพที่ยั่งยืนอย่างแท้จริง ถ้าเพียงแต่พวกเราจะพากันตระหนักรู้และพากันดำเนินไปบนเส้นทางสายนี้กันอย่างจริงจัง
วันนั้นทอมเดินทางกลับบ้านด้วยความยิ้มแย้มแจ่มใส เขาบอกว่าการสนทนาพูดคุยกันในวันนี้ทำให้เขามีความสุขอย่างที่ไม่เคยพบมาก่อนเลย เขาขอบคุณข้าพเจ้าที่ชี้แนะแนวทางให้หลายอย่าง ในขณะที่ข้าพเจ้าเองก็ขอบคุณเขาเช่นกัน ที่ได้แสดงความคิดเห็นหลายอย่างให้ข้าพเจ้าได้เข้าใจมากยิ่งๆขึ้น
คงจะไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรเลย ถ้าหากจะบอกว่าทุกวันนี้ทอมก็ยังแวะมาพูดคุยกับข้าพเจ้าเสมอทุกๆ วันศุกร์ เพราะเราได้กลายมาเป็นกัลยาณมิตรที่ดีต่อกัน และทุกครั้งที่พบกัน ก็ดูเหมือนว่าเขาจะมีใบหน้าที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความสุขความสบายใจเสมอ ซึ่งเข้าใจว่าอาจจะเกิดจากการที่เขาได้เปลี่ยนท่าทีที่มีต่อชีวิตและโลกในมุมมองแบบใหม่ที่เรียบง่ายขึ้นนั่นเอง โดยมีหลักธรรมทางศาสนาเป็นที่พึ่งและเยียวยารักษาเวลาที่ชีวิตต้องประสบกับปัญหาหรือเกิดความทุกข์ขึ้น
ศาสนาเป็นเครื่องมือในการเสริมสร้างมิตรภาพและสันติสุขให้เกิดขึ้นในสังคม เป็นสิ่งเดียวที่จะนำมวลมนุษยชาติไปสู่ความสุขและความหลุดพ้น ถ้าหากว่าแต่ละคนจะพากันศึกษาเรียนรู้ เพื่อทำความเข้าใจถึงเจตนารมณ์ของทุกศาสนาอย่างแท้จริง
พึงเข้าใจว่า ศาสนาทุกศาสนาล้วนสอนให้ศาสนิกละเว้นจากความชั่วและทำแต่ความดีในทุกๆ ลมหายใจ เพื่อสร้างสันติสุขให้เกิดขึ้นในชีวิต
ศาสนาจึงมิใช่เครื่องมือในการสร้างฐานอำนาจทางการเมือง ศาสนามิใช่เครื่องมือในการแสวงการผลประโยชน์ทางธุรกิจให้แก่ตนเอง ศาสนาไม่ใช่เครื่องมือในการแบ่งแยกมนุษยภาพ ศาสนามิใช่เครื่องมือในการแบ่งแยกชนชั้นวรรณะ และศาสนาก็มิใช่อาวุธในการที่จะใช้เป็นข้ออ้างสำหรับการเบียดเบียน และประหัตประหารบุคคลอื่นที่นับถือศาสนาหรือมีความคิดทางศาสนาที่แตกต่างจากตนเอง
หากแต่ศาสนานั้น แท้ที่จริงแล้ว เป็นสัญญลักษณ์แห่งความเจริญทางด้านความคิดและอารยธรรมอันยิ่งใหญ่ของมนุษยชาติ ที่มีไว้เพื่อเสริมสร้างความสามัคคี ความรัก ความเมตตา มิตรภาพและภราดรภาพให้เกิดขึ้นในโลก
แต่ก็น่าเสียดายและน่าเศร้าใจเหลือเกิน ที่ดูเหมือนว่าทุกวันนี้มีน้อยคนนักที่จะเข้าใจถึงเจตนารมณ์ของศาสนาที่แท้จริงได้ แม้แต่พระสงฆ์องค์เจ้า นักพรต นักบวช หรือบาทหลวงเอง ก็ยังพากันละเลยต่อหลักคำสอนอันเป็นรากเหง้าของตนเอง บางกลุ่มบางแห่งยังพยายามที่จะแบ่งแยกกันเป็นก๊กเป็นเหล่า และต่างก็ไม่ยอมกัน ทั้งนี้เพราะว่าถูกอวิชชาหรือกิเลสฝ่ายต่ำเข้าไปครอบงำจิตใจ จนเกิดอาการมืดมน เลยมองเห็นคนอื่น กลุ่มอื่น นิกายอื่น หรือศาสนาอื่นเป็นฝ่ายตรงกันข้ามอยู่ตลอดเวลา ซึ่งปรากฏการณ์เหล่านี้ล้วนมีให้เห็นอยู่ตลอดเวลา ทั้งในอดีตที่ผ่านมาและในยุคสมัยปัจจุบัน
หลักคำสอนทางศาสนาคงจะเป็นที่พึ่งที่พักพิงทางใจของชาวโลกได้ และโลกนี้คงจะดีกว่าที่กำลังเป็นอยู่ในทุกวันนี้มากมาย ถ้าหากทุกๆ คนมีแนวคิดเฉกเช่นเดียวกันกับทอม ผู้ซึ่งมองโลกโดยความเป็นหนึ่งเดียว ไม่มีการแบ่งซอยแยกส่วน ไม่มีความแปลกแยก ไม่มีชนชั้น วรรณะ เพศ วัย เชื้อชาติ หรือภาษา ไม่มีความแตกต่าง ไม่มีขอบเขต ไม่มีปริมาณ และไม่มีคำว่า พวกเขา พวกเรา
จะมีก็แค่เพียงคำว่า"โลกและสิ่งมีชีวิต" เท่านั้น ที่เราทุกคนจะต้องดูแลรักษา เอาใจใส่ ให้ความรัก ความเมตตา ปกป้องและทะนุถนอมให้มากที่สุด.
back to midnight's home I contents page I members I top of this page
e-mail : midnightuniv@yahoo.com