ฉบับสัมมาสมาธิ : วิมุตติ

ความเป็นจริง หลักธรรมะท่านสอนให้พวกเราทั้งหลายปฏิบัติเพื่อเห็นอนัตตา คือ เห็นตัวตนนี้ว่ามันเป็นของว่าง ไม่ใช่เป็นของมีตัวตน เป็นของว่างจากตัวตน แต่เราก็มาเรียนกัน ให้มันเป็นตัวเป็นตน ก็เลยไม่อยากให้มันพ้นทุกข์ ไม่อยากจะให้มันลำบาก อยากจะให้มันสะดวก อยากจะให้พ้นทุกข์ ถ้ามีตัวมีตน มันจะพ้นทุกข์เมื่อไร ดูซิ อย่างเรามีของชิ้นหนึ่งที่มีราคามาก เมื่อเราได้รับมาเป็นของเราแล้ว เปลี่ยนเสีย จิตใจเปลี่ยนแล้ว ต้องหาที่วางมัน จะเอาไว้ตรงไหนดีหนอ เอาไว้ตรงนั้นขโมยมันจะย่อง เอาไปละมั่ง คิดกันจนวุ่น นี่ทุกข์เกิดขึ้นแล้ว

อัตตานี้ก็เหมือนกัน ถ้าเราเข้าใจว่า ตัวของเรา ตนของเรา สภาพสิ่งแวดล้อมนั้นมันก็เป็นของตนด้วย ของเราไปด้วย มันก็เลยวุ่นขึ้นไป เพราะอะไร ต้นเหตุคือมันมีตัวมีตน ไม่ได้เพิกสมมุติอันนี้ออกให้เห็นวิมุตติ ตัวตนนี้มันเป็นของสมมุติ ให้เพิกให้รื้อสมมุติอันนี้ออก ให้เห็นแก่นมันคือวิมุตติ พลิกสมมุติอันนี้กลับให้เป็น วิมุตติ

อันนี้ถ้าเปรียบกับข้าว ก็เรียกว่า ข้าวยังไม่ได้ซ้อม ข้าวนั้นกินได้ไหม กินได้แต่เราไปปฏิบัติมันซิ คือให้เอาไปซ้อมมันให้ถอดเปลือกออกไปเสีย มันจะเจอข้าวสารอยู่ตรงนั้นแหละ ทีนี้ ถ้าเราไม่ได้สีมันออกจากเปลือกของมันก็ไม่เป็นข้าวสาร ความเห็นเช่นนี้ก็เหมือนกับสุนัข สุนัขมันนอนอยู่บนกองข้าวเปลือกนั่นแหละ ท้องร้องจ๊อก…จ๊อก…จ๊อก มันก็มัวแต่นอนอยู่นั่นแหละ จิตมันหวั่นวิตก “จะไปหากินที่ไหนหนอ” แน่ะท้องมันหิว มันก็โจนออกจากกองข้าวเปลือก วิ่งไปหากินอาหารเศษๆ ทั้งหลายเหล่านั้น ทั้งๆ ที่มันนอนทับอยู่ อาหารมันอยู่ตรงนั้น แต่มันไม่รู้จัก เพราะอะไร ความรู้เรามีอยู่ ถ้าเราไม่เอาปฏิบัติ เราก็ไม่รู้เรื่องเหมือนกัน โง่ขนาดสุนัขมันนอนอยู่บนกองข้าวเปลือก นอนทับอาหารอยู่ได้ แต่ว่าไม่รู้จักกินอาหารที่มันนอนทับอยู่ เมื่อหิวอาหารก็ต้องโจนจากข้าววิ่งไปหากินที่อื่น อันนี้ก็น่าสงสารอยู่เหมือนกัน

มนุษย์เรานี้ก็เหมือนกัน ธรรมที่เราเรียนมา ธรรมะที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้ ถึงจะศึกษาธรรมะเท่าไร ก็ตามทีเถิด ถ้าไม่ประพฤติปฏิบัติแล้วก็ไม่เห็น ไม่เห็นแล้วก็ไม่รู้ ไม่รู้ก็ไม่รู้จักข้อปฏิบัติ อย่าพึงว่าเราเรียนมากๆ เรารู้มากๆ แล้ว เราจะเห็นธรรมะของพระพุทธเจ้า ก็เหมือนเรามีตาอย่างนี้ ก็นึกว่าเราเห็นทุกอย่าง เพราะว่าเรามองไปแล้ว หรือจะนึกว่าเราได้ยินแล้วทุกอย่าง เพราะเรามีหูอยู่แล้ว มันเห็นไม่ถึงที่สุดของมัน มันก็เป็นตานอกไป ท่านไม่จัดว่าเป็นตาใน หูก็เรียกว่าหูนอก ไม่ได้เรียกว่าหูใน มิฉะนั้น ถ้าท่านพลิกสมมุติเข้าไปเห็นวิมุตติแล้ว ก็เป็นของจริง เห็นชัด ถอนทันที มันจึงถอนสมมุติออก ถอนความยึดมั่นถือมันออก ถอนทุกสิ่งทุกอย่าง