พระไตรปิฏกฉบับ ดับทุกข์

ธรรมรักษา

                TPD052

อายุของคนขึ้นอยู่กับศีลธรรม

 

พระพุทธเจ้า ประทับอยู่ ณ เมืองมาตุลา แคว้นมคธ ได้ตรัสถึงความเสื่อมและความเจริญของคน ว่าขึ้นอยู่กับศีลธรรม คนอายุน้อยศีลธรรมเสื่อม คนอายุยืนศีลธรรมเจริญ ไว้ดังนี้

 

“ภิกษุทั้งหลาย! ในเมื่อคนมีอายุขัย ๑๐ ปี จะมีสัตถันตรกัปสิ้น ๗ วัน คือ คนเหล่านั้นจะเห็นคนด้วยกัน เป็นเหมือนหมู่เนื้อ เมื่อพบกันจะตรงเข้าฆ่าฟันกัน โดยคิดว่าเป็นพวกหมู่เนื้อ

 

ภิกษุทั้งหลาย! ครั้งนั้นคนเหล่านั้น บางพวกมีความคิดว่า พวกเราอย่าฆ่าใคร ๆ และใคร ๆ ก็อย่าฆ่าเรา อย่ากระนั้นเลย เราควรเข้าไปอยู่ตามป่าหญ้า สุมทุมพุ่มไม้ หรือตามซอกเขา มีรากไม้และผลไม้ในป่าเป็นอาหาร เลี้ยงชีวิตอยู่ และอยู่อย่างนี้ตลอด ๗ วัน

 

เมื่อล่วง ๗ วันไป เขาพากันออกจากป่า จากสุมทุมพุ่มไม้ หรือจากซอกเขา แล้วต่างตรงเข้าสวมกอดกันและกัน จะขับร้องด้วยความดีใจ แล้วทักทายกันว่า

“ท่านผู้เจริญ เราพบกันแล้ว ท่านยังมีชีวิตอยู่หรือ

 

ภิกษุทั้งหลาย! ลำดับนั้น คนเหล่านั้น จะมีความคิดว่า เราถึงความสิ้นญาติอย่างใหญ่เห็นปานนี้ เหตุเพราะประพฤติอกุศล อย่ากระนั้นเลย เราควรทำกุศล เราควรงดเว้นจากปาณาติบาต ควรสมาทานกุศลธรรมนี้แล้วปฏิบัติ เพราะเหตุที่เขาสมาทานกุศลแล้วปฏิบัตินี้ เขาจะเจริญด้วยอายุบ้าง จะเจริญด้วยวรรณะบ้าง ด้วยเหตุนี้ บุตรของเขาทั้งหลาย ที่มีอายุ ๑๐ ปี จะมีอายุเจริญขึ้นถึง ๒๐ ปี และเจริญขึ้นไปตามลำดับถัง ๘๐,๐๐๐ ปี แล้วเมื่อศีลธรรมเสื่อมลง อายุของสัตว์ก็จะลดลงเหลือ ๑๐ ปีอีก วนเวียนกันอยู่อย่างนี้..”

 

จักกวัตติสูตร ๑๑/๖๔

 

พระสูตรนี้ มีแง่คิดมากทั้งยากและง่าย อยากจะขอฝากให้ท่านผู้อ่านค้นคว้าและพิจารณาดูว่าเป็นไปได้อย่างไร? ส่วนที่ไม่เข้าใจ ก็ควรจะยกให้เป็น “พุทธวิสัย” ไป อย่าได้เอาความนึกคิดของปุถุชน ไปเปรียบเทียบ “พุทธบารมี” เลย นรกจะกินหัวผุเสียเปล่า เชื่อพระองค์ท่านไว้ก่อนเถิด รับรองไม่ตกนรกแน่

 

การมีวิชาความรู้ แต่ขาดคุณธรรม

ก็เหมือนมีมีดคมแต่ขาดฝัก