พระไตรปิฏกฉบับ ดับทุกข์
ธรรมรักษา
TPD041
พระพุทธเจ้า ประทับอยู่ ณ พระวิหารเชตวัน เมืองสาวัตถี ได้ตรัสกะภิกษุทั้งหลายว่า
ภิกษุทั้งหลาย! ลาภ ยศ สักการะ และชื่อเสียง เป็นของทารุณ เผ็ดร้อน หยาบคาย
เป็นอันตรายแก่การปฏิบัติธรรม และบรรลุธรรมอันเกษม ซึ่งไม่มีสิ่งอื่นยิ่งไปกว่า
เปรียบเหมือนปลาบางตัว
เห็นแก่เหยื่อกลืนเบ็ดที่พรานเบ็ดเกี่ยวเหยื่อหย่อนลงไปในน้ำลึก
มันกลืนเบ็ดของพรานอย่างนี้แล้ว ได้รับทุกข์ถึงความพินาศ
พรานเบ็ดพึงทำได้ตามความพอใจ ฉะนั้น
ภิกษุทั้งหลาย! พรานเบ็ดเป็นชื่อของมารใจบาป เบ็ดและเหยื่อเป็นชื่อของลาภสักการะ
และ ชื่อเสียง ภิกษุบางรูปยินดีพอใจในลาภสักการะ และ ชื่อเสียง ที่เกิดขึ้นแล้ว
ภิกษุนี้เรากล่าวว่า กลืนเบ็ดของมาร ได้รับทุกข์ถึงความพินาศ
เพราะฉะนั้น เธอทั้งหลายพึงศึกษาอย่างนี้ว่า
เราทั้งหลายจงละลาภสักการะและชื่อเสียงที่เกิดขึ้นแล้วเสีย
และลาภสักการะและชื่อเสียงที่เกิดขึ้นแล้วจะครอบงำจิตของเราไม่ได้
เธอทั้งหลายพึงปฏิบัติอย่างนี้แล.
พฬิสสูตร ๑๖/๒๔๘
การที่พระพุทธเจ้าทรงตำหนิลาภ ยศ สักการะ
และชื่อเสียง ไว้อย่างรุนแรง ก็เพื่อให้สาวกเห็นความสำคัญของสิ่งเหล่านี้
ที่ได้ทำลายคนดีมามากมายแล้วนั้นเอง
ทั้งนี้ก็เพราะว่า
จิตใจของปุถุชนนั้นกลับกลอกง่าย หวั่นไหวง่าย ถ้าได้ใกล้ชิดสิ่งใดนาน ๆ แล้ว
จิตใจก็ย่อมจะเปลี่ยนแปรไปได้ กลายเป็นคนละคนกันเลยทีเดียว
มีตัวอย่างให้เราได้ศึกษา ทั้งในอดีตและปัจจุบันทุกยุคทุกสมัย
พระพุทธองค์จึงทรงแสดงโทษไว้ก่อน
เพื่อให้เกิดการสังวรระวัง ไม่เกิดความประมาท เมื่อมีลาภ สักการะเกิดขึ้น
ก็จะได้บริโภคใช้สอย ด้วยความไม่หลงลืมตน มีสติและปัญญา คอยหมั่นกำกับและพิจารณาอยู่เสมอ
ทุกข์ โทษ และภัย อันแสบเผ็ดรุนแรง ก็ไม่อาจจะเกิดขึ้นได้
เพราะการทำความดีนั้น ต้องใช้เวลานาน ใช้ความอดทนมาก
ต้องเสียสละทั้งทรัพย์สิน กำลังกาย และกำลังใจที่เข้มแข็งเด็ดเดี่ยว แม้กระนั้นเมื่อเผลอใจเพียงนิดเดียว
ความดีที่ทำมาเป็นเวลานาน ก็อาจพังทลายลงได้ในพริบตา
ความไม่ประมาทจึงเป็นวิถีทางที่ปลอดภัย ด้วยประการทั้งปวง