พระไตรปิฏกฉบับ ดับทุกข์

ธรรมรักษา

                TPD015

 

ใส่ร้ายคนดี ได้รับโทษทันตา

 

พระพุทธเจ้า ประทับอยู่ ณ พระวิหารเชตวัน เมืองสาวัตถี พระโกกาลกริษยาพระสารีบุตรและพระโมคคัลลานะ ได้ทูลพระพุทธเจ้าให้ร้ายพระเถระทั้งสอง พระพุทธองค์ทรงห้ามถึง ๓ ครั้งก็ไม่ฟัง ได้รับอกุศลกรรมสนองทันตา ได้เกิดฝีหัวใหญ่ขึ้นทั่วตัว ฝีแตกน้ำเหลืองไหล ได้รับทุกขเวทนากล้า จนขาดใจตายไปเกิดในปทุมนรก ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของมหานรกอเวจี ได้รับทุกขเวทนาแสนสาหัส

 

พระพุทธองค์ทรงแสดงโทษ แห่งการใส่ร้ายผู้ทำความดี เพื่อเป็นเครื่องสังวรของชาวพุทธไว้ดังนี้

 

·       “คนพาลเมื่อพูดคำชั่วร้ายออกไป ได้ชื่อว่าฆ่าตัวเองด้วยอาวุธ

·       ผู้ใดสรรเสริญผู้ที่ควรถูกติ หรือติผู้ที่ควรได้รับความสรรเสริญ ผู้นั้นชื่อว่าสะสมความชั่วด้วยปาก เขาย่อมไม่ได้รับความสุข

·       ความพินาศแห่งทรัพย์สินเพราะการพนันก็ดี พร้อมด้วยสิ่งของทั้งหมดก็ดี พร้อมด้วยตนเองก็ดี ยังนับว่ามีโทษเพียงเล็กน้อย ส่วนบุคคลใด ทำใจคิดร้ายในท่านผู้ทำดีทั้งหลาย มีโทษยิ่งใหญ่กว่า

·       ผู้พูดจาด้วยจิตอันลามก ชอบติเตียนพระอริยเจ้า ย่อมเข้าถึงนรก”

 

โกกาลิกสูตร ๑๕/๒๐๙

 

การใส่ร้ายคนดีมีโทษหนัก โดยเฉพาะอย่างยิ่งพระอรหันต์ด้วย โทษก็จะยิ่งมากเป็นทวีคูร เพราะท่านหมดกิเลสแล้ว จัดว่าเป็น “ปาปมุต” คือ ไม่มีใครถือโทษ หรือพ้นจากโทษแล้ว

กรณีของพระโกกาลิกในเรื่องนี้ ถ้าเราไม่ยกให้เป็นอกุศลกรรมของพระโกกาลิกบันดาลให้เป็นไป แล้วจะเกิดจากอะไร? เพราะทั้งพระสารีบุตร และพระมหาโมคคัลลานะ ท่านเป็นพระอรหันต์แล้ว ไม่มีให้โทษใครมีแต่ให้คุณ ก็แล้วเหตุไฉนพระโกกาลิกจึงไปริษยาท่านเล่า? ก็ไม่ใช่กรรมฝ่ายชั่วมาบันดาลให้ท่านคิดผิดไป เหมือนการซัดฝุ่นที่ละเอียดทวนลม มันก็ต้องถูกฝุ่นย้อนกลับมาเข้าตาตนเอง ฉะนี้แล