พระไตรปิฏกฉบับ ดับทุกข์

ธรรมรักษา

                TPD005

 

ธรรมะเหมือนแพข้ามฟาก

 

                พระพุทธเจ้าประทับอยู่ ณ พระวิหารเชตวัน เมืองสารถี  ได้ตรัสกับภิกษุทั้งหลาย เป็นใจความพอสรุปได้ว่า

           

“ภิกษุทั้งหลาย! เราจักแสดงธรรม มีอุปมาดังเรือหรือแพข้ามฟาก แก่พวกเธอเพื่อต้องการให้สลัดออก ไม่ใช่ต้องการให้ยึดถือฃ

           

ภิกษุทั้งหลาย! เปรียบเหมือนบุคคลผู้เดินทางไกล พบแม่น้ำขวางหน้า แต่ฝั่งข้างนี้มีภัยอันตราย ส่วนฝั่งข้างโน้นเป็นที่สบายปลอดภัย เรือหรือสะพานจะข้ามฝั่งก็ไม่มี บุคคลนั้นคิดว่า จะอยู่ช้าไม่ได้อันตราย

           

เขาจึงรวบรวมกิ่งไม้และใบไม้ เอามาผูกเป็นแพให้ลอยน้ำ แล้วใช้มือและเท้าพุ้ยน้ำด้วยความพยายาม จนข้ามแม่น้ำนั้นได้โดยปลอดภัย

           

เขาจึงคิดว่า แพนี้มีคุณแก่เรามาก เราอาศัยแพนี้ จึงข้ามพ้นอันตรายได้ อย่ากระนั้นเลย เรายกเอาแพนี้ขึ้นทูนหัวไปด้วยเถิด แล้วเขาก็เอาแพนั้นทูนหัวเดินไป

           

ภิกษุทั้งหลาย! การกระทำของบุคคลนั้น ชื่อว่าทำไม่ถูกในหน้าที่ ทางที่ถูกนั้น เมื่อเขาอาศัยแพข้ามฝั่งได้แล้ว พึงยกแพขึ้นบกหรือเอาลอยไว้ในน้ำนั่นแหละ แล้วเดินไปแต่ตัว จึงชื่อว่าทำถูกในหน้าที่ในแพนั้น แม้ฉันใด

           

ภิกษุทั้งหลาย! เราแสดงธรรมมีอุปมาด้วยแพ เพื่อต้องการให้สลัดออก ไม่ใช่เพื่อให้ยึดถือก็ฉันนั้นแล เธอทั้งหลายรู้ถึงธรรมมีอุปมาด้วยแพ ที่เราแสดงแล้ว พึงละแม้ซึ่งธรรมทั้งหลาย จะป่วยกล่าวไปไยถึงฝ่ายอธรรมเล่า”

 

อลคัททูปมสูตร ๑๒/๒๑๙

 

            พระสูตรนี้ อยากจะขอร้องให้นักปฏิบัติธรรม ช่วยอ่านกันหลาย ๆ เที่ยว แล้วจับประเด็นหลักสำคัญให้ได้ว่า เป้าหมายอันสูงสุดของพระพุทธดำรัสนี้ อยู่ตรงไหน?

            ถ้านักปฏิบัติจับได้และตีปัญหาแตกแล้ว การปฏิบัติธรรมก็จะง่ายยิ่งกว่า การพลิกฝ่ามือ เสียอีก ที่บางท่านปฏิบัติธรรมยิ่งมาขึ้นเท่าไร ทั้งที่อยู่และจิตใจ ก็ดูเหมือนจะยิ่งรกรุงรัง และจิตก็ขุ่นมัว หรือสกปรกลามกมายมายขึ้นเท่านั้น นั่นแสดงว่าการปฏิบัติธรรมเกิดการผิดพลาดขึ้นแล้ว

            การปฏิบัติธรรมต้องมีขั้นตอน คือ ละความชั่ว ทำความดี แต่พอถึงขั้นสูงสุด ทั้งความชั่วและความดีก็ต้องละให้หมด จึงจะพบพระนิพพาน