ผู้ขึงสายพิณพอเหมาะ

       ดูก่อนโสณะ!  เมื่อเธอเข้าไปสู่ที่ลับหลีกเร้นอยู่แต่ผู้เดียว  ความคิดได้เกิดขึ้นแก่เธอว่า "สาวก ของพระผู้มีพระภาคเจ้าเหล่าใด  ซึ่งปรารภความเพียรอยู่ เราก็เป็นผู้หนึ่งในบรรดาสาวกเหล่านั้น ถึง อย่างนั้น จิตของเราก็ยังหาพ้นจากอาสวะเพราะไม่ถือมั่นได้ไม่. อันที่จริง โภคะในสกุลของเรา ก็ยังมี อยู่มาก เราอาจจะใช้สอยโภคะและบำเพ็ญบุญได้อยู่, ถ้ากระนั้น เราควรสึกไปใช้สอยโภคะ และบำเพ็ญ บุญเอาจะดีกว่า" ดังนี้, มิใช่หรือ?

       "เป็นเช่นนั้นจริง พระเจ้าข้า." พระโสณะทูลตอบ.

       ดูก่อนโสณะ!  เธอมีความคิดในเรื่องนี้ เป็นอย่างไร : เมื่อก่อนแต่ครั้งเธอยังเป็นคฤหัสถ์ เธอ เชี่ยวชาญในเรื่องเสียงแห่งพิณ มิใช่หรือ?

       "เป็นเช่นนี้ พระเจ้าข้า"

       ดูก่อนโสณะ!  เธอจะสำคัญข้อนั้นเป็นไฉน  : เมื่อใด สายพิณของเธอขึงตึงเกินไป เมื่อนั้น พิณ ของเธอจะมีเสียงไพเราะน่าฟังหรือ จะใช้การได้หรือ?

       "ไม่เป็นเช่นนั้น พระเจ้าข้า."

       ดูก่อนโสณะ! เธอจะสำคัญข้อนั้นเป็นไฉน : เมื่อใดสายพิณของเธอหย่อนเกินไป เมื่อนั้น พิณของ เธอจะมีเสียงไพเราะน่าฟังหรือ จะใช้การได้หรือ?

       "ไม่เป็นเช่นนั้น พระเจ้าข้า."

       ดูก่อนโสณะ! แต่ว่าเมื่อใด สายพิณของเธอ ไม่ตึงนักหรือไม่หย่อนนัก ขึงได้ระเบียบเสมอ ๆ กัน แต่พอดี เมื่อนั้น พิณของเธอ ย่อมมีเสียงไพเราะน่าฟังหรือ ใช้การได้ดีมิใช่หรือ?

       "เป็นเช่นนั้น พระเจ้าข้า."

       ดูก่อนโสณะ! ข้อนี้ก็เป็นเช่นนั้นแล กล่าวคือ ความเพียรที่บุคคลปรารภจัดเกินไป ย่อมเป็นไปเพื่อ ความฟุ้งซ่าน,  ไม่ย่อหย่อนเกินไป ย่อมเป็นไปเพื่อความเกียจคร้าน. โสณะ! เหตุผลนั้นแล เธอจงตั้ง ความเพียรแต่พอดี,  จงเข้าใจความที่อินทรีย์ทั้งหลาย  ต้องเป็นธรรมชาติเสมอ  ๆ กัน, จงกำหนด หมายในคยามพอดีนั้นไว้เถิด.

       "พระเจ้าข้า ! ข้าพระองค์จักปฏิบัติอย่างนั้น".

       กาลต่อมา  ท่านพระโสณะได้เริ่มตั้งความเพียรแต่พอเสมอ ๆ กัน ไม่ยิ่งหย่อน, ได้ทราบความที่ อินทรีย์ทั้งหลายจ่องเป็นธรรมชาติเสมอ ๆ กัน กำหนดหมายในข้อนั้นไว้แล้ว, ก็ปลีกตัวออกจากหมู่อยู่แต่ ผู้เดียว  ไม่ประมาท  ทำความเพียรเผากิเลส มีตนส่งไปแล้วในแนวนั้น, ไม่นานนัก็ได้ทำให้รู้แจ้งถึงที่ สุดของพรหมจรรย์อันยอดเยี่ยม ซึ่งเป็นที่ต้องประสงค์ของเหล่ากุลบุตรผู้ออกบวชจากบ้านเรือน เป็นผู้ไม่ มีบ้านเรือน  ด้วยปัญญาอันยิ่งเองในทิฏฐธรรมเข้าถึงแล้วแลอยู่. ท่านได้รู้ว่า "ชาติของเราสิ้นแล้ว พรหมจรรย์ได้อยู่จบแล้ว  กิจที่ควรทำได้ทำเสร็จแล้ว  กิจอื่นเพื่อความเป็นอย่างนี้มิได้มี" ดังนี้. ท่าน พระโสณะได้เป็นพระอรหันต์องค์หนึ่งแล้วในโลก.

๑. บาลี พระพุทธภาษิต ฉกฺก. อ็ง ๒๒/๔๑๘/๓๒๖, ตรัสแก่ท่านโสณะ ผู้คิดจะลาสิกขา
๒. อินทรีย์ทั้งหลายในที่นี้คือ สัทธา วิริยะ สติ สมาธิ ปัญญา.