หลังอาหารแล้วภาวนา

       สารีบุตร!  คำของเธอทั้งหลาย เป็นสุภาษิตได้โดยปริยาย. เธอทั้งหลายจงฟังคำของเราบ้าง. สารีบุตร! ภิกษุในธรรมวินัยนี้ เวลาหลังอาหาร กลับจากบิณฑบาตแล้ว นั่งคู้บัลลังก์ (ขัดสมาธิ) ตั้งกายตรง ดำรงสติเฉพาะหน้า หวังอยู่ว่า "จิตของเรา ยังไม่ หลุดพ้นจากอาสวะทั้งหลาย เพราะยังไม่สิ้นอุปาทาเพียงใด เราจักไม่เลิกถอนการนั่งคู้บัลลังก็นี้เพียงนี้" ดังนี้. สารีบุตร! ป่าโคสิงคสาลวัน พึงงามสง่า เพราะมีภิกษุประเภทนี้เข้าอาศัยอยู่แล.

บาลี พระพุทธภาษิต มหาโคสิงคสาลสูตรมู.ม. ๑๒/๔๐๙/๓๘๒, ตรัสแก่ท่านพระสารีบุตร ที่ป่า โคสิงคสาลวัน.  ณ  ที่นี้ ท่านพระมหาสาวกล้วนแต่เป็นเถระมีชื่อเสียงคนรู้จักมาก ได้พากันสนทนาด้วย เรื่องว่า   "ป่าโคสิงคสาลวัน   จะชื่อว่าเป็นป่าที่งามสง่า  เพราะมีภิกษุประเภทไหนเข้าอาศัยอยู่?" ท่านพระอานนท์ตอบว่า  เพราะมีภิกษุพหูสูต,  ท่านพระเรวัติตอบว่า เพราะมีภิกษุผู้ยินดีในการหลีกเร้น, ท่านพระอนุรุทธตอบว่า  เพราะมีภิกษุผู้มีทิพยจักษุญาณ,  ท่ารพระมหากัสสปะตอบว่า  เพราะมีภิกษุผู้ถือ ธุดงค์และสมบูรณ์ด้วยธรรมขันธ์ห้า,  ท่านพระมหาโมคคัลลานะตอบว่า เพราะมีภิกษุผู้สามารถโต้ตอบ อภิธรรมไม่ติดขัด,และท่านพระสารีบุตรตอบว่า เพราะมีภิกษุผู้สามารถเข้าอยู่วิหารสมบัติได้ตามต้องการ, เมื่อต่างท่านต่างความเห็น จึงพากันไปเฝ้า ทูลขอให้ตัดสินว่า คำของใครเป็นสุภาษิตกว่า, พระผู้มี พระภาคเจ้าได้ตรวจตอบดังข้อความข้างบนนั้น.