ศีลอยู่เคียงคู่กับปัญญาเสมอ

       พราหมณ์!  องค์สองประการนี้  จะยกเสียอีกประการหนึ่ง บัญญัติคนผู้ประกอบด้วยองค์เพียง ประการเดียว ว่าเป็นพราหมณ์, และคนประกอบด้วยองค์เพียงประการเดียว เมื่อกล่าวว่า ตนเป็น พราหมณ์ ได้ชื่อว่า กล่าวชอบไม่ต้องกล่าวเท็จ, จะได้หรือไม่?

       "ข้อแต่พระโคดมผู้เจริญ!  องค์สองประการนี้  จะยกเสียอีกประการหนึ่งหาได้ไม่ เพราะว่าศีล ย่อมชำระปัญญาให้บริสุทธิ์  และปัญญาเล่าก็ชำระศีลให้บริสุทธิ์เหมือนกัน; ศีลอยู่ที่ใด ปัญญาอยู่ที่นั้น; ผู้มี ศีลก็มีปัญญา, ผู้มีปัญญาก็มีศีล; บัณฑิตทั้งหลายย่อมกล่าวถึงศีลและปัญญาว่าเป็นของเลิศในโลก. ข้าแต่ พระโคดมผู้เจริญ!  เปรียบเหมือนคนล้างมือด้วยมือ หรือล้างเท้าด้วยเท้า ฉันใด; ศีลย่อมชำระปัญญาให้ บริสุทธิ์ และปัญญาเล่าก็ชำระศีลให้บริสุทธิ์เหมือนกัน; ศีลอยู่ที่ใด ปัญญาอยู่ที่นั้น; ปัญญาอยู่ที่ใด ศีลอยู่ที่นั้น; ผู้มีศีลก็มีปัญญา, ผู้มีปัญญาก็มีศีล; บัณฑิตทั้งหลาย ย่อมกล่าวถึงศีลและปัญญา ว่าเป็นของเลิศในโลก ฉันนั้น เหมือนกัน".

       พราหมณ์! ข้อนั้น เป็นอย่างนั้นแหละพราหมณ์. ศีลย่อมชำระปัญญาให้บริสุทธิ์ และปัญญาเล่า ก็ ชำระศีลให้บริสุทธิ์เหมือนกัน;  ศีลอยู่ที่ใด  ปัญญาอยู่ที่นั้น; ปัญญาอยู่ที่ใด ศีลอยู่ที่นั้น; ผู้มีศีลก็มีปัญญา, ผู้มีปัญญาก็มีศีล;  บัณฑิตทั้งหลาย  ย่อมกล่าวถึงศีลและปัญญา  ว่าเป็นของเลิศในโลก. พราหมณ์! เปรียบ เหมือนคนล้างมือด้วยมือ หรือล้างเท้าด้วยเท้าฉันใด; ศีลย่อมชำระปัญญาให้บริสุทธิ์ และปัญญาเล่าก็ชำระ ศีลให้บริสุทธิ์เหมือนกัน;  ศีลอยู่ที่ใด  ปัญญาอยู่ที่นั้น; ปัญญาอยู่ที่ใด ศีลอยู่ที่นั้น; ผู้มีศีลก็มีปัญญา, ผู้มี ปัญญาก็มีศีล, บัณฑิตทั้งหลายยอ่มกล่าวถึงศีลและปัญญา ว่าเป้นของเลิศในโลก ฉันนั้นเหมือนกัน.

๑. บาลี พระพุทธภาษิต โสณทัณฑสูตร สี. ที. ๙/๑๕๘/๑๙๓, ตรัสแก่โสณทัณฑพราหมณ์ ซึ่งทูลถึง เรื่องพวกพราหมณ์บัญญัติคนผู้ประกอบด้วยองค์ห้าว่าเป็นพราหมณ์โดยชอบ  แต่อาจจะยกสามองค์แรกออก เสียก็ได้  คงไว้แต่เพียงสององค์ คือ เป็นผู้มีศีล มีศีลอันเจริญ ประกอบด้วยศีลอันเจริญ และเป็นบัณฑิต มีปัญญา; แต่ถูกพระพุทธองค์ทรงแสร้งท้วงดู ดังที่กล่าวแล้วข้างบน, ก่อนทรงรับรอง.