อุปัชฌายะเสีย

       ภิกษุ  ท.! ในกาลยืดยาวฝ่ายอนาคต จักมีภิกษุทั้งหลาย ซึ่งมิได้อบรมกาย มิได้อบรมศีล มิ ได้อบรมจิต   และมิได้อบรมปัญญา,   เธอทั้งหลาย   ทั้งที่เป็นเช่นนั้นอยู่  จักเป็นอุปัชฌายะให้ อุปสมบทคนอื่น ๆ แล้ว จักไม่อาจแนะนำฝึกสอนคนเหล่านั้น ในศีลอันยิ่ง ในสมธิอันยิ่ง และในปัญญา อันยิ่ง,  แม้คนบวชแล้วเหล่านั้น ก็จักเป็นผู้มิได้อบรมกาย มิได้รับอบรมศีล มิได้รับอบรมจิต และ มิได้อบรมปัญญา, เธอทั้งหลาย ทั้งที่เป็นเช่นนั้นอยู่ จักเป็นอุปัชฌายะให้อุปสมบท (ต่อจากอุปัชฌายะ แรก)  สืบ ๆ ไป, จักไม่อาจแนะนำฝึกสอนผู้บวชแล้วทั้งหลาย ในศีลอันยิ่งในสมาธิอันยิ่ง และใน ปัญญาอันยิ่งได้; คนบวชทั้งหลายเหล่านั้น ก็จักเป็นผู้มิได้อบรมกาย มิได้อบรมศีล มิได้อบรมจิต และ มิได้อบรมปัญญา  อย่างเดียวกัน.  ภิกษุ ท.! ด้วยอาการอย่างนี้เอง วินัยมีมลทิน เพราะธรรมมี มลทิน; ธรรมมีมลทิน เพราะวินัยมีมลทิน. นี้ เป็นอนาคตภัยที่ยังไม่เกิดขึ้นในบัดนี้ แต่จักเกิดขึ้นใน เวลาต่อไป. พวกเธอทั้งหลายพึงสำนึกไว้ ครั้นได้สำนึกแล้ว ก็พึงพยายามเพื่อกำจัดภัยนั้นเสีย. เพราะธรรมีมลทิน, ธรรมมีมลทิน เพราะวินัยมีมลทิน. นี้เป็นอนาคตภัยที่ยังไม่เกิดขึ้นในบัดนี้ แต่จัก เกิดขึ้นในเวลาต่อไป. พวกเธอทั้งหลายพึงสำนึกไว้ ครั้นได้สำนึกแล้ว ก็พึงพยายามเพื่อกำจัดภัยนั้นเสีย.

๑. บาลี พระพุทธภาษิต ปญฺจก. อํ. ๒๒/๑๒๑/๗๙, ตรัสแก่ภิกษุทั้งหลาย