ผู้ทำศาสนาเสื่อม

       ภิกษุ ท.! มูลเหตุสี่ประการเหล่านี้ ที่ทำให้พระสัทธรรมเลอะเลือน จนเสื่อมสูญไป. สี่อย่างอะไร กันเล่า? สี่อย่างคือ.-

       ภิกษุ  ท.!  พวกภิกษุเล่าเรียนสูตร  อันถือกันมาผิด  ด้วยบทพยัญชนะที่ใช้กันผิด; เมื่อบทและ พยัญชนะใช้กันผิดแล้ว  แม้ความหมายก็มีนัยอันคลาดเคลื่อน. ภิกษุ ท.! นี้ มูลกรณีที่หนึ่ง ซึ่งทำให้ พระสัทธรรมเลอะเลือนจนเสื่อมสูญไป

       ภิกษุ  ท.!  อีกอย่างหนึ่งอีกอย่างหนึ่ง,  พวกภิกษุเป็นคนว่ายาก  ประกอบด้วยเหตุที่ทำให้เป็น คนว่ายาก  ไม่อดทน ไม่ยอมรับคำตักเตือนโดยความเคารพหนักแน่น ภิกษุ ท.! นี้ มูลกรณีที่สอง ซึ่งทำ ให้พระสัทธรรมเลอะเลือน จนเสื่อมสูญไป.

       ภิกษุ  ท.!  อีกอย่างหนึ่ง,  พวกภิกษุเหล่าใด  เป็นพหุสูต  คล่องแคล่วในหลักพระพุทธวจนะ ทรงธรรม ทรงวินัย ทรงมาติกา (แม่บท). ภิกษุเหล่านั้นไม่ได้เอาใจใส่บอกสอนใจความแห่งสูตรทั้งหลายแก่คนอื่น  ๆ ; เมื่อท่านเหล่านั้นล่วงลับดับไป สูตรทั้ง หลาย ก็เลยขาดผู้เป็นมูลราก (อาจารย์) ไม่มีที่อาศัยสืบไป. ภิกษุ ท.! นี้ มูลกรณีที่สาม ซึ่งทำให้ พระสัทธรรมเลอะเลือน จนเสื่อมสูญไป.

       ภิกษุ ท.! อีกอย่างหนึ่ง พวกภิกษุชั้นเถระ ทำการสะสมบริกขาร ประพฤติย่อหย่อนในไตรสิกขา เป็นผู้นำในทางทราม ไม่เหลียวแลในกิจแห่งวิเวกธรรม ไม่ปรารถความเพียร เพื่อถึงสิ่งที่ยังไม่ถึง เพื่อ บรรลุสิ่งที่ยังไม่บรรลุ เพื่อทำให้แจ้งในสิ่งที่ยังไม่ทำให้แจ้ง. ผู้บวชในภายหลัง ได้เห็นพวกเถระเหล่านั้น ทำแบบแผนเช่นนั้นไว้  ก็ถือเอาไปเป็นแบบอย่าง  จึงทำให้เป็นผู้ทำการสะสมบริกขารบ้าง ประพฤติย่อ หย่อนในไตรสิกขา เป็นผู้นำในทางทราม ไม่เหลียวแลในกิจแห่งวิเวกธรรม ไม่ปรารภความเพียร เพื่อ ถึงสิ่งที่ยังไม่ถึง เพื่อบรรลุสิ่งที่ยังไม่บรรลุ เพื่อทำให้แจ้งในสิ่งที่ยังไม่ทำให้แจ้ง, ตามกันสืบไป,

       ภิกษุ ท.! นี้ มูลกรณีที่สี่ ซึ่งทำให้พระสัทธรรมเลอะเลือน จนเสื่อมสูญไป

บาลี พระพุทธภาษิต จตุกฺก. อํ. ๒๑/๑๙๗/๑๖๐.