ควายสามเขา (นิทานของชาวไทเขิน)

 

มีเศรษฐี อยู่เมืองหนึ่งมีลูกชาย ๗ คน ต่อมาเศรษฐีนั้นใช้ลูกชายทั้ง ๗ ไปหาปลา ชายทั้ง ๗ คนนั้น จึงไปหาปลาตามคำสั่ง พอไปถึงริมฝั่งแม่น้ำ พี่ชายทั้ง ๖ ให้น้องหุงข้าวทำอาหารรอไว้ แล้วพี่ทั้ง ๖ จึง ไปหาปลา ต่อมามีฤาษีองค์หนึ่งซึ่งเทวดาแปลงกายมาได้มาบิณฑบาตในที่นั้น ฝ่ายน้องชายคนสุดท้องจึงแบ่ง ข้าวออกเป็น ๗ ห่อแล้วเอาไปทำบุญหมด ฤาษีจึงบอกว่าถ้าพี่ชายทั้ง ๖ กลับมาและถ้าเดือดร้อนให้เอามีด ผ่าไหนึ่งข้าวเป็น ๗ ชิ้น แล้วให้แก่พี่ชายคนละชิ้น ให้บอกว่าเป็นของวิเศษ แล้วฤาษีจึงให้พรและก็จากไป
ต่อมาพี่ชายทั้ง ๖ กลับมาจึงจะกินข้าว น้องชายบอกว่าได้เอาข้าวทำบุญไปหมดแล้ว พี่ชายจึงโมโหและไม่เชื่อเขาและได้ทุบตีเขา เขาจึงบอกว่าฤาษีสั่งให้ผ่าไหข้าวเป็น ๗ ชิ้นแล้วให้แบ่งกันคนละชิ้น แล้วพี่ชายทั้ง ๖ คนก็แบ่งไหข้าวออกเป็น ๗ ชิ้น เอาไปคนละชิ้น น้องชายคนสุดท้องก็ได้แยกทางกับพี่ชายทั้ง ๖ คน เดินทางไปคนเดียว ไปจนถึงเมืองจัมปานคร มีเศรษฐีเฒ่าคนหนึ่ง ได้รับเอาเขามาเลี้ยงและให้เลี้ยงควายซึ่งมีทั้งหมด ๑๐๑ ตัว และบอกว่า ถ้าหากมีลูกมาจะให้ปีละตัว ต่อมาเลี้ยงวัวมาถึง ๓ ปี เศรษฐีก็ไม่ให้ เศรษฐีจึงพูดว่า ถ้าควายแม่เฒ่าตัวนี้มีลูกสามเขาก็จะให้ ต่อมาควายแม่เฒ่า นั้นก็มีลูกมีเขาสามเขาจริง เขาจึงได้เลี้ยงควาย ๓ เขานั้นต่อมา ควาย ๓ เขานั้นมีเขาเป็นเพชรเป็น พลอย ส่งแสงสว่างไปทั้งบ้าน
ต่อมาเจ้าเมืองรู้ข่าวจึงอยากได้จึงมาขอซื้อเขา เขาก็ไม่ขาย เอาช้างเอาม้ามาให้ก็ไม่ขาย เอา เมืองและลูกสาวมาแลกก็ไม่รับ เจ้าเมืองจึงบอกว่ามีไก่ตัวหนึ่งเป็นไก่วิเศษเรืองแสงมีตัวเป็นแก้ววิเศษ จึงจะขอแลกกับควายของเขา เขาจึงได้ถามว่าไก่นั้นวิเศษอย่างไร เจ้าเมืองก็บอกว่าไก่นั้นถ้าอธิษฐาน อย่างไรนั้น หากให้มันขันสามครั้งก็จะได้ทุกสิ่งตามต้องการ เขาจึงแกล้งแลกควายกับเจ้าเมือง แล้วจึง ได้ไก่มาแล้วจึงเดินทางเข้าป่าไปเรื่อย ๆ จนไปพบฤาษีองค์หนึ่ง ฤาษีถามว่ามาจากไหน เขาเล่าว่าตน มาจากต่างเมืองจากพ่อแม่มาและไปอยู่กับเศรษฐีคนหนึ่งและได้ควาย ๓ เขามาเลี้ยงและได้แลกควายกับ ไก่ของเจ้าเมืองมา อันไก่ตัวนี้ถ้าต้องการอะไร ก็ให้มันขัน ๓ ครั้ง พระฤาษีจึงว่าจริงหรือไม่ก็ไม่รู้ จึง อยากให้ขันเพื่อสร้างเมือง เขาจึงเอาไก่นั้นมาขัน ๓ ครั้งก็เป็นบ้านเมืองขึ้นมา เขาจึงได้ครองเมืองนั้น
ฝ่ายพี่ชายทั้ง ๖ ได้แบ่งปลากันแล้วพากันกลับบ้าน ต่อมาเศรษฐีผู้เป็นพ่อก็ตาย ทั้ง ๖ คนจึงแบ่ง สมบัติกัน ต่อมาคนทั้งหมดก็เอาแต่กินเหล้ากินยาและต่อมาก็ได้ขายวัวควายช้างม้า อันเป็นสมบัติไปจนหมด ทำให้ทุกคนกลายเป็นคนยากจน แล้วได้มาปรึกษากันว่า เดี๋ยวนี้เราก็ยากจนแล้ว จะไปค้าขายก็ไม่มีเงิน พี่คนโตจึงพูดขึ้นว่าเรามาทำขลุ่ย ทำซึง ทำเครื่องดนตรีแล้วมาหัดร้องเพลงต่าง ๆ แล้วต่อมา คนทั้ง ๖ จึงได้เดินทางไปเรื่อย ๆ จนไปถึงเมืองของน้องชายคนสุดท้องก็ได้มาร้องเพลงที่ใกล้เมืองนั้น จึงมีเด็ก เลี้ยงควายมาพบเข้าแล้วก็ไปบอกกับเจ้าเมือง เจ้าเมืองผู้เป็นน้องชายจึงให้ไปเรียกคนทั้ง ๖ คนมาพบ พอคนทั้ง ๖ คนมาพบที่วัง ก็ไม่รู้ว่าเป็นพี่ชาย เจ้าเมืองจึงให้คนทั้ง ๖ คนมาเล่นดนตรี พอเล่นเสร็จน้อง ชายก็รู้ว่าเป็นพี่ชายของตนทั้ง ๖ คนแต่พี่ชายทั้ง ๖ คนนั้นไม่ทราบความจริงนั้น น้องชายก็ถามพี่ว่ามาจาก ที่ไหน มีพี่น้องกี่คน พี่ทั้ง ๖ ก็เล่าว่ามาจากเมืองพาราณสี มีพี่น้อง ๗ คน และได้เล่าเรื่องตอนไปหาปลา จนมาถึงตอนแยกทางกับน้องคนสุดท้องจนมาถึงที่นี่ น้องชายจึงขอดูไหข้าว พี่ทั้ง ๖ คนก็ไม่เอาทิ้ง จึงล้วง มาให้ดูน้องชายจึงเอามาให้ดูทั้งหมดจึงรู้ว่าเป็นพี่น้องกัน น้องชายคนสุดท้องจึงเอาไก่วิเศษมาขัน ๓ ครั้ง ให้เป็นปราสาท ๖ หลังและมีหญิง ๖ คนให้พี่ชายทั้ง ๖ อยู่สุขสบาย แล้วทั้ง ๗ คน จึงทำบุญกรวดน้ำ ไปให้พ่อของตนที่ตายไป

จาก ด้วยปัญญาและความรัก นิทานของชาวไทยวน นิทานของชาวไทลื้อ นิทานของชาว ไทใหญ่ นิทานของชาวไทเขิน