Jiro Personal Long Interview Part 2

Qiz - คุณยังมีความรู้สึกเหมือนกับอยู่ชั้น highschool อยู่หรือเปล่า
Jiro - ใช่ ผมคิดว่าผมไม่อยากแพ้น่ะ และความรู้สึกนี้ตอนนี้ก็ยังอยู่ในใจของผม
Qiz - แต่จากที่ดูแรื่องราวที่ผ่านมาของคุณ รู้สึกว่าวงของคุณเนี่ยจะสนิทสนมกันดีมากกว่าวงอื่น ๆ นะ
Jiro - แต่ไม่มีคนดูเลยใช่ม้า พวกเราเป็นเด็กนักเรียนกันทั้งหมดเลย เราเรียกชื่อวงของเราว่า PIERROT
Qiz - ใช่วงนี้หรือเปล่าคะที่กระตุ้นให้คุณอยากเข้ามาที่ Tokyo
Jiro - ใช่ ตอนนั้นวงผมมีมือกีต้าร์อยู่ 2 คน ผมแล้วก็เพื่อนอีกคนหนึ่ง ในช่วงนั้น มือ เบส และมือกลอง ลาออกไป แล้วเราก็ได้มือกลองใหม่เข้ามา แต่เรายังต้องการมือเบสคนใหม่อีกคนหนึ่งมาแทนคนเก่า หลังจากที่ตัดสินใจอยู่นาน ผมก็บอกกับพวกเขาว่า ฉันจะเล่นเบสเอง แต่ก็มีหลายคนนะบอกว่า นายเล่นกีต้าร์อยู่นี่นา ผมก็เลยบอกว่า คงไม่มีอะไรแย่ไปกว่านี้แล้วล่ะ มือกีต้าร์ที่เล่นอยู่ตอนนั้นฝีมือก็ไม่ได้ดีไปกว่าผมสักเท่าไหร่หรอก แต่ผมก็ไม่อยากถามหรอกนะ ว่าใครเล่นดี ใครเล่นไม่ดี
Qiz - แต่คุณก็ได้รู้ถึงคำว่า hayahiki คุณรู้สึกยังไงบ้างที่ตอนนั้นยังเป็นวงที่ไม่เป็นที่รู้จัก
Jiro - ตอนจะขึ้นปี 3 ตอนนั้นวงยังไม่ค่อยจะได้เรื่องสักเท่าไหร่ ผมก็มีความคิดที่จะออกจากวงเหมือนกันนะ ทั้งพ่อและแม่ของผมก็ไม่ใจชอบนักเรื่องวง ผมต้องทำงานหาเงินเองเพื่อเล่นดนตรี พอปี 3 ผมอยู่ในฐานะมือเบส รู้สึกว่าเป็นช่วงที่ดีมาก ๆ ของ PIERROT พวกเรามีคนดูเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ ตามอย่างวงรุ่นพี่อย่างวง Glay แล้ว Pierrot ก็เป็นวงอันดับหนึ่งของ ร.ร. ในขณะนั้น ผมอยากจะพิสูจน์ให้ทุกคนได้รู้ว่าพวกเราก็ทำได้
Qiz - แต่ถึงคุณจะไม่ได้เล่นกีต้าร์ คุณก็สามารถดึงดูดใจคนดูได้
Jiro - ไม่เลยไม่เห็นจะมีอะไรเปลี่ยนแปลงเลย
Qiz - จริง ๆ เหรอ
Jiro - จริง ๆ ครับ ตอนอยู่ช่วง highschool รู้สึกว่าจะมีเด็กผู้หญิงมาบอกผมว่าชอบผมด้วยนะ แต่ว่าเธอไม่เห็นจะสนใจผมสักเท่าไหร่เลย ท่าทีของเธอไม่ได้แตกต่างกันเลย ทั้ง ๆ ที่ผมอายมากแท้ ๆ
Qiz - แล้วในช่วงนั้น Pierrot ดังหรือยังคะ
Jiro - ครับ และในช่วงนั้นผมก็อยากจะได้มือเบสดี ๆ สักคน เพื่อที่ผมจะได้เปลี่ยนไปเล่นกีต้าร์เหมือนเดิม
Qiz - คุณรู้สึกยังไงตอนที่คุณเล่นเบสเป็นครั้งแรกหลังจากที่คุณเล่นกีต้าร์มาตั้งนาน
Jiro - ก็ไม่คิดอะไรมากนะครับ มันไม่ค่อยจะแตกต่างกันเท่าไหร่ ตอนนั้นผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่าผมเล่นเบสยังไง
Qiz - แต่คุณก็เล่นเบสได้ดีนี่
Jiro - เพราะผมชอบน่ะครับ
Qiz - คุณคิดว่า Pierrot แตกต่างจากวงอื่น ๆ จึงเข้ามาที่ Tokyo
Jiro - ในตอนนั้นมีเพื่อนของผม 2 คนที่ออกไปจาก ร.ร. ตอนปี 1 ตอนที่เค้ากลับมาที่ hakodate อีกครั้ง คนหนึ่งในนั้นเขาทำผมสีแดงกลับมา ทำให้ผมคิดว่า Tokyo นี่ เป็นที่ที่น่าสนใจทีเดียว หลังจากที่ Glay ไป Tokyo พวกเขากลับมาที่ Hakodate อีกครั้ง แล้วก็ได้เล่นไลฟ์กับ Pierrot ผมได้ดื่มกับ Takuro แล้วก็สมาชิกคนอื่น ๆ เราคุยกันเรื่องของ Tokyo แล้ว Takuro ก็ถามผมว่า พวกนายจะไม่ลองไป Tokyo ดูเหรอ ฉันว่าพวกนายจะต้องทำได้ดีแน่ ๆ ผมจึงลองคุยกันกับร้องนำ แล้วก็ตัดสินใจที่จะไป Tokyo แม่ก็ช่วยพูดกับพ่อให้ผม
Qiz - ตอนคุยกัน พ่อคุณว่าอะไรหรือเปล่า
Jiro - เขาก็บอกว่า นายจะไปเล่นดนตรีที่ Tokyo เหรอ แล้วทำไมจะต้องไปที่ Tokyo ด้วยล่ะ แล้วเขาก็บอกผมว่า ฉันไม่อยากให้แกเกลียดฉันนะ แต่ถ้านายจะไป Tokyo แกจะต้องอยู่คนเดียว หางานทำ แล้วแกจะทำได้เหรอ อะไรประมาณนี้แหละ แล้วเขาก็ไม่ได้พูดอะไรกับผมอีกเลยจนกระทั่งผมเดินทางไป Tokyo แล้วผมก็หายเงียบไปกว่าครึ่งปี
Qiz - ในความรู้สึกของคุณ คุณอยากจะเป็นวงที่ยิ่งใหญ่ก่อนที่จะกลับ Hakodate อีกครั้งสินะ
Jiro - ใช่ครับ มันเป็นเรื่องที่ยากมาก ๆ ที่จะทำให้วง ๆ หนึ่งเป็นที่ยอมรับได้ แต่เราก็มีความรู้สึกที่ดี ๆ ตอนที่ได้เล่นไลฟ์ มันเหมือนเป็นการปลดปล่อยเราออกจากโลกความเป็นจริง
Qiz - คุณยังจำเรื่องราวตอนที่คุณเดินทางไป Tokyo ได้หรือเปล่าคะ
Jiro - ผมเดินทางโดยรถไฟเที่ยวกลางคืน ผมรู้สึกเศร้าอย่างบอกไม่ถูก หลังจากนั้น ผมก็ได้ออกเดทกับเด็กผู้หญิงคนหนึ่ง แต่เมื่อผมเข้าวง Pierrot เราก็เลิกกันไป ในตอนนั้นผมเองก็เสียใจ บนรถไฟเที่ยวเที่ยงคืน ผมก็ร้องไห้ออกมาอาจจะเพราะระยะทางที่ยาวไกลกับความรู้สึกที่ตัดไม่ขาดนั้น
Qiz - แล้วการใช้ชีวิตที่ Tokyo ก็เริ่มขึ้น
Jiro - กับ Pierrot เราได้เจอกับมือกลองคนใหม่ แต่ว่าเราก็ไม่ได้เปลี่ยนแปลงอะไร
Qiz - ลำบากมากไหมที่อยู่ที่ Tokyo
Jiro - อืม ลำบากมาก ๆ เลยล่ะ ผมได้ไปหลาย ๆ ที่ที่ Tokyo ได้เจออะไรแปลก ๆ ใหม่ สนุกมากเลย ผมอาศัยอยู่กับเพื่อนในวันเสาร์ และในคืนวันเสาร์นั่นเองผมก็คิดตัดสินใจออกจากที่นี่ไปที่ Kabata ตอนนั้นผมมีเงินอยู่แค่ 1,500 เยน เองล่ะ จะเช่ารถก็ไม่ได้ด้วย แล้วผมจะทำยังไงดีล่ะ ไอ้ครั้นจะกลับไปก็ไม่ได้เสียฟอร์มแย่ ก็เลยนึกขึ้นได้ว่ายังมีเพื่อนอีกคนอยู่ที่ Kawasaki แต่ว่าทางไปเนี่ยต้องไปถนน Manabu อีก 5 สถานีแน่ะ แต่ไม่มีทางเลือกแล้วนี่ยังไงก็ต้องไปบ้านเพื่อนคนนี้ให้ได้ แต่ตอนนั้นรถไฟหมดแล้วด้วยสิ ผมเลยตัดสินใจเดินไปอ่ะ (หัวเราะ)
Qiz - โอ้โห นี่คุณเดินไปตั้ง 5 สถานีเนี่ยนะ
Jiro - ครับ ผมเดินไปตามทางรถไฟคนเดียวมันเหนื่อยสุด ๆ เลยครับ ผมเดินไปเรื่อย ๆ ก็เจอแม่น้ำใหญ่เลยต้องขึ้นไปข้างบน โอ้ยมองลงมาข้างล่างแล้วหวาดเสียวจังเลย รู้สึกว่าจะเป็นสะพานเหล็กน่ะครับ แต่ผมก็ต้องเดินไปเรื่อย ๆ
Qiz - โฮ ยังกับเรื่อง Stand By Me แน่ะค่ะ
Jiro - นั่นเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นตอนนั้นน่ะครับ หลังจากนั้น 10 เดือนผมก็ได้ทำงานเป็นพนักงานขายที่บริษัทแห่งหนึ่งแล้วก็ได้ทำอะไรอีกหลาย ๆ อย่าง ช่วงนั้นยุ่งมาก ๆ เลยแทบไม่มีเวลาเป็นของตัวเอง ผมก็เริ่มถามตัวเองว่า ที่เราเข้ามาที่ Tokyo นี่เพื่ออะไรกันนะ พอคิดได้อย่างนั้นแล้วผมก็ย้ายมาอยู่บ้านเพื่อน แล้วก็ลาออกจากบริษัททันทีเลย
Qiz - แล้วสภาพตอนนั้นเป็นยังไงบ้างคะ เพราะพวกคุณไม่สามารถที่จะเล่นดนตรีได้ แล้ววงของคุณล่ะเป็นยังไงต่อไป
Jiro - หลังจากที่ผมเข้ามาที่ Tokyo ผมก็ได้ออกเดทกับเด็กผู้หญิงคนหนึ่ง มันสนุกมาก ๆ เลย ตอนนั้น ผมแทบลืมเรื่องของวงไปเลย
Qiz - อืม เห็นเรื่องของความรักสนุกว่าเรื่องวงงั้นเหรอ
Jiro - ครับ แต่ผมก็ยังอยากที่จะให้เกิดอะไรดี ๆ ขึ้นในวงเช่นเดียวกัน แต่เรื่องความรักเป็นเรื่องที่ผมไม่เคยมีประสบการณ์มาก่อน แล้วตอนนั้นก็ไม่มีพ่อแม่มาคอยควบคุม ไปเที่ยวได้อย่างอิสระ ในช่วงนั้นความรักค่อนข้างจะมีอิทธิพลกับผมมาก ถ้าไม่มีความรักล่ะก็ ผมอาจจะไม่มีเรี่ยวแรงที่จะอยู่ที่ Tokyo อีกต่อไปก็ได้
Qiz - สำหรับจิโร่ คุณเห็นความรักคืออะไรกันคะ
Jiro - ไม่รู้เหมือนกันนะ แต่ก็ดูสิ ผมค่อนข้างอ่อนแอนะ และนั่นอาจจะเป็นเหตุผลที่ผมอยู่วงนี้ก็ได้
Qiz - คุณว่าคุณอยู่วงนี้เพราะว่าคุณคิดว่าคุณอ่อนแอเหรอ
Jiro - ผมก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมวงถึงเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของผม แต่ก็อย่างว่าเวลาผมอยู่คนเดียวผมมักจะคิดนู้นคิดนี่มากมาย แน่นอนว่าถ้ามีปัญหาผมมักจะปรึกษากับเพื่อน ๆ แต่ถ้ามีปัญหาในวง ผมจะปรึกษากับเพื่อน ๆ ก็ไม่ได้ใช่ม้า ผมก็มักจะปรึกษากับ เพื่อนหญิงของผม มันทำให้ผมรู้สึกผ่อนคลายนะ ผมคิดว่าผมไม่สามารถที่จะอยู่ด้วยตัวเองได้
Qiz - นั่นเป็นจุดยืนที่ทำให้วงยังคงอยู่เหรอ
Jiro - มันอยู่ที่ Takuro นะ และผมคิดว่าการที่จะเล่นไลฟ์เนี่ยมันขึ้นอยู่กับเขานะ
Qiz - คุณจำเรื่องที่คุณประทับใจสมาชิกอีก 3 คนได้ไหมคะ
Jiro - อืม ก็อย่างเช่น Hisashi ตอนที่ผมเข้ามาที่วงครั้งแรก ผมไม่เคยคุยกับเขาเลยตลอด 3 เดือน แล้ววันนั้นผมก็พูดเกี่ยวกับดนตรีของเมื่อวาน ผมก็เลยถามเขาว่า เราไม่คิดที่จะพูดคุยกันให้มากกว่านี้เหรอ Hisashi ก็บอกว่า ฉันก็คิดอย่างนั้นเหมือนกัน แต่อาจจะเป็นเพราะนายพูดน้อยฉันก็เลยไม่มีค่อยมีเรื่องจะพูดกับนาย ผมก็เป็นอย่างนั้นจริง ๆ เสียด้วยสิ (หัวเราะ) แต่ผมว่ามันเป็นความคิดที่ผิดเสียแล้ว เขาทุ่มเทเต็มที่จริง ๆ กับคอนเสิร์ต Beat Out แล้วเราก็เริ่มสนิทสนมกันมากขึ้นเรื่อย ๆ ผมรู้ว่าเขาค่อนข้างเป็นคนที่พูดตรง ไม่เสแสร้งอะไร
Qiz - งั้นคุณอยู่วง Glay มานานเท่าไหร่แล้วเนี่ย
Jiro - 2 หรือ 3 ปีเนี่ยแหละ
Qiz - เรื่องราวตอนที่คุณจะเข้าวงมากับ Takuro คุณคิดยังไงเหรอ
Jiro - ผมปรึกษากับเพื่อนหญิงของผม ตอนนั้นผมอยากเล่นวงแบบ hard rock แต่ Glay ไม่ได้เป็นแบบนั้น รู้สึกว่าช่วงนั้น Teru จะทำผมสีบลอน มันเหมือนกับพวก Visual Rock มากกว่า ผมเลยตัดสินใจที่จะไม่เล่นกับ Glay และมองหาวงที่จะเล่นแบบ ฮาร์ดร็อค กว่า 2 ปี จึงมีความคิดว่าถ้าเสียเวลาเปล่าไม่ได้เล่นดนตรีอย่างนี้ สู้เล่นกับวงที่มาจากบ้านเดียวกันไม่ดีกว่าเหรอ จึงตัดสินใจที่จะเข้าวง Glay
Qiz - อืม งั้น 3 เดือนระหว่างการซ้อมคุณไม่ได้พูดคุยอะไรกันเลยเหรอ
Jiro - ครับ ไม่ได้พูดคุยกันเลย
Qiz - อ้าว แล้วบรรยากาศภายในวงเป็นยังไงล่ะ แตกต่างกับ Glay ตอนนี้ยังไง
Jiro - แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง แต่สำหรับความเป็นมิตรนี่ค่อนข้างจะเหมือนเดิมนะ อาจจะเพราะว่า Teru พูดเก่ง เข้ากับคนได้ง่ายมั้ง เขามักจะเข้ากับคนได้ทุกคน แต่เขาไม่ค่อยได้คุยกับ Hisashi นะ อาจจะเพราะว่า Hisashi เป็นคนที่ค่อนข้างเงียบ น่ากลัวมากกว่า ก็ถ้าเกิดผมพูดอะไรที่ดูโง่ ๆ ออกมา เขาจะต้องคิดว่า จิโร่นี่โง่จัง แน่ ๆ เลย ใช่ม้า
Qiz - แล้วตอนที่เล่นกับ Glay ล่ะมีความรู้สึกยังไงบ้าง
Jiro - ในวงก็สนุกเหมือนกัน มีหลาย ๆ เพลงที่เขียนโดย Takuro พอผมได้ฟัง ก็รู้สึกได้เลยว่าพวกเขาเป็นคนที่พิเศษจริง ๆเลย หลาย ๆ เพลงเลยที่ฟังแล้วเยือกเย็นแล้วก็สุขุมมาก ๆ
Qiz - ถ้าย้อนกลับไปถึงบทสัมภาษณ์ก่อนที่จะบันทึกอัลบัม Beat Out รู้สึกว่า Glay จะมีชื่อเสียงขึ้นมากเลยนะ คุณคิดยังไงบ้างคะ
Jiro - ผมคิดว่า Glay ยังต้องจัดการกับอะไรหลาย ๆ อย่างอีกเยอะนะ วงของเรายังอ่อนแออยู่มาก และแน่นอนเราจะต้องแข็งแรงขึ้นในสักวัน
Qiz - ความแตกต่างระหว่างอัลบัม Beat out กับ Speed Pop ล่ะ
Jiro - ก็มี Nagai กับ D.I.E. เข้ามาช่วยด้วย รู้สึกว่าวงจะมีพลังเพิ่มขึ้นอีกเยอะเลยนะ ตั้งแต่ที่พวกเขาเข้ามา
Qiz - ได้ฟังเรื่องราวของคุณแล้ว ฉันรู้สึกประทับใจมาก ๆ เลยนะเนี่ย ทั้งเรื่องของไลฟ์ แล้วก็เรื่องวง แต่ทั้งหมดเนี่ยอาจจะเป็นเพราะคุณไม่อยากแพ้คุณพ่อของคุณใช่ไหมคะ คุณจึงอยากทำทุกอย่างให้ดีที่สุด
Jiro - ผมคิดว่าน่าจะเป็นเรื่องใหญ่เลยนะ ถ้าเกิดว่าคนดูไม่ยอมรับพวกเรา
Qiz - ทำไมล่ะ
Jiro - คุณจะรู้สึกไม่ดีเลยถ้าเพียง 1 คนในไลฟ์รู้สึกไม่ดี อาจจะเป็นเพราะผมมาจาก Hakodate ก็ได้มั้ง ก็ศิลปินหลาย ๆ คน มาจาก Sapporo แต่ว่าผมมาจาก Hakodate บางครั้งผมก็นึกถึงตอนที่เล่นคอนเสิร์ตที่ Hakodate นะ ความรู้สึกที่ปลอดโปร่ง แล้วก็มีแฟน ๆ หลาย ๆ คนที่เห็นความสำคัญของ Glay อย่างแท้จริง
Qiz - จนกระทั่งถึงเดือน กุมภาพันธ์ หรือ เดือน มีนาคม นี่ใช่ไหม่
Jiro - มันก็เหมือนกับที่ผ่าน ๆ มานะ ผมทำเพลง แล้วผมสนุก แต่การที่ผมได้รับความคาดหวังจาก Yoshiki ผมคิดว่ามันเป็นแรงกดดันนะ ผมรู้สึกถึงความแตกต่างระหว่างเราได้ ดังนั้นตอนเล่นไลฟ์เราสนุกกันจริง ๆ นะ มันค่อนข้างจะสมบูรณ์แบบนะก่อนที่จะมีคอนเสิร์ตที่ Budokan
Qiz - คิดว่าแฟน ๆ ของคุณคงจะได้เห็นพัฒนาการของพวกคุณเมื่อได้ฟังเพลง Glorious นะ
Jiro - ไม่ค่อยชอบนะ อาจจะเพราะว่าผมไม่ค่อยเข้าใจในเรื่องของกระบวนการทำคอนเสิร์ต เราไม่สามารถทำอะไรได้มาก ทั้ง ๆ ที่เราอุตสาห์ขายตั๋วคอนเสริตครั้งแรกที่ Budokan ได้หมดแท้ ๆ
Qiz - รู้สึกว่าบรรยากาสเปลี่ยนแปลงไปสินะ แล้วคุณรู้สึกอย่างไรละตอนที่แสดงที่ Budokan จริง ๆ
Jiro - อีกด้านหนึ่งของ Budokan ผมรู้สึกโดดเดี่ยวนะ ผมรู้ว่าแฟน ๆ รู้สึกพอใจ ผมว่าความรู้สึกในตอนนั้นพวกเราไม่ได้โกหกนะ ตอนที่ Teru ร้องไห้ ผมก็รู้สึกได้นะ เพราะว่าเราทำงานกันอย่างหนักและสุดท้ายสิ่งที่เราได้ทำไปมันก็สำเร็จเป็นรูปร่างขึ้นมา ผมว่าครั้งนั้นทำให้ Glay ได้รู้สึกถึงชัยชนะอันยิ่งใหญ่นะ