ติวก่อนสอบกลางภาค จากข้อสอบเก่า Quiz1 2/2545
ทั้งหมดนี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งของแนวคำอธิบาย
ซึ่งบางคำอธิบายอาจจะเป็นไปได้ในลักษณะอื่น ๆ ที่ไม่เสียความ
วัตถุประสงค์ ต้องการให้นักศึกษาได้ศึกษาจุดผิดพลาดของตนเองและได้ปรับปรุงตัวเองเพื่อการสอบกลางภาค
หากมีจุดผิดพลาดประการใด กรุณาแจ้งให้ผู้จัดทำทราบด้วย
จักขอบคุณยิ่ง
dpustructure1@yahoo.com
มีคำอธิบายโจทย์และข้อสังเกตุที่น่าสนใจและตัวอย่างที่ผิดให้ศึกษา
ก่อนการสอบที่นักศึกษาไม่ควรพลาด โดยเฉพาะนักศึกษาที่อ่อนทั้งหลาย
Part 1 Combine each pair of sentences, using an adjective
clause.
อธิบายคำสั่ง โจทย์ข้อนี้ให้นักศึกษานำประโยคที่ให้ไว้สองประโยคที่มีใจความเดียว(Simple Sentences)เชื่อมเข้าเป็นหนึ่งประโยคซับซ้อนหรือหลายใจความ(Complex Sentence) ซึ่งใช้เครื่องมือในการเชื่อมและแทน(Combine/replace)ได้แก่ คำประพันธสรรพนาม (Relative Pronoun)มาใช้ อันได้แก่ คำว่า Which/who/whom/that/whose/O/ เป็นต้นเพื่อให้เป็น Relative Clause
หรือ Adjective
Clause ซึ่งต้องจำหลักว่า ขยายนามคำไหนก็ให้วางไว้หลังนามคำนั้น
และดูว่านามคำนั้นเป็นคนหรือสิ่งของ
1. Sheila is always away
from home. Her job involves a lot of traveling.
Sheila, whose job involves a lot of
traveling, is always away from home.
ตัวอย่างที่ผิด
Sheila, who job involves a lot of
traveling, is always away from home. (X)
Sheila, whom job involves a lot of
traveling, is always away from home. (X)
Sheila, which job involves a lot of
traveling, is always away from home. (X)
Sheila is always away from home,
whose job involves a lot of traveling. (X)
Sheila is always away from home,
whom job involves a lot of traveling. (X)
2. We had dinner at a
Chinese restaurant. You recommended it to us.
We had dinner at a Chinese
restaurant which / where you recommended to us.
ตัวอย่างที่ผิด
We had dinner at a Chinese
restaurant who recommended it to us. (X)
We had dinner at a Chinese
restaurant which recommended it to us. (X)
We had dinner at a Chinese
restaurant you recommended that to us. (X)
We who recommended it to us had dinner
at a Chinese restaurant. (X)
3. Female tourists are
not allowed in Wat Pra Kaew. They are wearing trousers.
Female tourists who are wearing
trousers are not allowed in Wat Pra
Kaew.
ตัวอย่างที่ผิด
Female tourists, whom are wearing
trousers, are not allowed in Wat Pra
Kaew. (X)
Female tourists, which
are wearing trousers, are not allowed in Wat Pra Kaew. (X)
Female tourists are not allowed in Wat Pra Kaew,
which wearing trousers. (X)
4. I want to live in a
country. There is plenty of sunshine there.
I want to live in a country where
there is plenty of sunshine.
**I want to live in a country in
which there is plenty of sunshine.
**I want to live in a country which
there is plenty of sunshine in.
ตัวอย่างที่ผิด
I wan to live in a country where is plenty of sunshine. (X)
I wan to live in a country which is
plenty of sunshine. (X)
I wan to live in a country where is plenty of sunshine there. (X)
**ข้อนี้ต้องระวัง เพราะนักศึกษาส่วนใหญ่ทำผิดหมด There + be แปลเป็นไทยว่า "มี"
ส่วน there เป็นเรื่อง
สถานที่ จงสังเกตดี ๆ
Part 2 Break each sentence into two simple
sentences.
อธิบายคำสั่ง โจทย์ข้อนี้ให้นักศึกษาแยกประโยคซับซ้อนหรือหลายใจความ(Complex Sentence) ให้เป็นสองประโยคที่มีใจความเดียว(Simple Sentences) แยกโดยตัดเอาคำเชื่อมซึ่งเป็นเครื่องมือ
ในการเชื่อมและแทน(Combine/replace)ได้แก่ คำประพันธสรรพนาม (Relative Pronoun) อันได้แก่ คำว่า Which/who/whom/that/whose เป็นต้น ออกไป แล้วนำเอาคำ pronoun มาแทนหรือนำคำนามที่ซ้ำกันมาอีก พูดง่าย ๆ ก็คือให้นักศึกษาทำในทำนองตรงกันข้ามกับข้อที่
1 นั่นเอง
1. A cemetery is a place
where dead bodies are buried.
A cemetery is a place. Dead bodies
are buried in the place.
** A cemetery is a place. Dead
bodies are buried there.
ตัวอย่างที่ผิด
2. The rosebush Sue gave
me is growing beautifully.
The rosebush is growing
beautifully. Sue gave me the rosebush.
The rosebush is growing
beautifully. Sue gave the rosebush (it) to me.
ตัวอย่างที่ผิด
3. The woman with whom
he fell in love left him after a few weeks.
The woman left him after a few
weeks. He fell in love with the woman (or her).
ตัวอย่างที่ผิด
4. Every year Jung
visits her relatives in Chonburi in which she used to
live.
Every year Jung visits her
relatives in Chonburi. She used to live in Chonburi ( or there).
ตัวอย่างที่ผิด
Part 3 Combine each pair of sentences, using an
adjective phrase.
อธิบายคำสั่ง โจทย์ข้อนี้ให้นักศึกษานำประโยคที่ให้ไว้สองประโยคที่มีใจความเดียว(Simple Sentences) เชื่อมเข้าเป็นหนึ่งประโยคซับซ้อนหรือหลายใจความ(Complex Sentence) ซึ่งใช้เครื่องมือในการเชื่อม
และแทน(Combine/replace)ได้แก่ คำประพันธสรรพนาม (Relative Pronoun)มาใช้ อันได้แก่ คำว่า Which/who /whom/that/whose/O/ เป็นต้นเพื่อให้เป็น Relative Clause
หรือ Adjective
Clause ซึ่งต้องจำหลักว่า ขยายนาม คำไหนก็ให้วางไว้หลังนามคำนั้น
และดูว่านามคำนั้นเป็นคนหรือสิ่งของ คล้าย ๆ กับข้อที่ 1 แต่ในข้อที่ 3 นี้ คำตอบที่ต้องการเป็นวลี
(Phrase) คือ ต้องตัดคำเชื่อมที่เป็นประพันธสรรพนามออก (Relative
Pronoun) และยังต้องตัดประธานของ Adjective Clause ออกไป ตัดกริยาช่วย (Auxilary Verbs) เปลี่ยนกริยาแท้เป็น กริยาเติม
-ing หากเป็นประโยคที่เป็น Active Voice ถ้าเป็น Passive Voice กริยาจะเป็น Verb ช่อง 3 หรือ Past Participle (กรุณาอ่านในเอกสารประกอบการสอนด้วย)
1. The pizza with a
perfect spread was derived from 25 pizzas. They were transformed into
special formula.
The pizza with a perfect spread was
derived from 25 pizzas transformed into special formula.
ตัวอย่างที่ผิด
2. The plastic bin will
be destroyed. It has been used for years.
The plastic bin having been used
for years will be destroyed.
ตัวอย่างที่ผิด
3. Linda stopped for
drinking. She had run for miles.
Linda, having run for miles,
stopped for drinking.
ตัวอย่างที่ผิด
4. Women can reduce the
risk of cancer. They drink green tea daily.
Women drinking green tea daily can
reduce the risk of cancer.
ตัวอย่างที่ผิด
Part 4 Change the adjective phrase or adjective
modifier into an adjective clause.
อธิบายคำสั่ง โจทย์ข้อนี้ให้นักศึกษาเปลี่ยนกลุ่มวลีที่เป็นคุณศัพท์(Adjective Phrase)ก็ดี กลุ่มคำที่เป็นคำคุณศัพท์ผสม(Adjective
Modifier)ก็ดีในประโยคตามโจทย์ โดยนักศึกษาต้องเปลี่ยน
กลุ่มวลีที่เป็นคุณศัพท์หรือกลุ่มคำที่เป็นคุณศัพท์ผสมนั้นให้เป็นประโยคAdjective Clause โดยวิธีทำนั้น ประการแรกนักศึกษาต้องดูกลุ่มคำที่เป็นคุณศัพท์ผสมหรือวลีคุณศัพท์ทั้งที่เป็น-ing
หรือ -edให้ออก แล้วต้องพยายามขยายหรือเปลี่ยนกลุ่มคำกลุ่มนั้นเป็น อนุประโยคคุณศัพท์
(Adjective Clause) ซึ่งต้องนำหลักตามข้อที่ 1 มาใช้ กล่าวคือ ต้องนำคำเชื่อมซึ่งเป็นเครื่องมือในการเชื่อมและแทน (Combine/replace)ได้แก่ คำประพันธสรรพนาม (Relative Pronoun)มาใช้ อันได้แก่ คำว่า Which/who/whom/that/whose
เป็นต้น มาใช้ แล้วทำกริยาให้เป็นไปตามมิติของเวลา
(Tense) ซึ่งสามารถรู้ได้จาก
กริยาหลักของประโยคหลัก (Main Verb ของ Main Clause)
1. We have to prepare
for a two-hour exam.
We have to prepare for an exam
that takes (or lasts) two hours.
ตัวอย่างที่ผิด
2. The FDA announced the
rules covering advertisements for the drinks.
The FDA announced the rules which
covered advertisements for the drinks.
ตัวอย่างที่ผิด
3. Suchart
was interested in that good project having been proposed by Narit.
Suchart was interested in that good project which had been proposed
by Narit.
ตัวอย่างที่ผิด
Note: ข้อสังเกต จบเรื่องของ Adjective
Clause / Adjective Phrase แล้ว จะไม่เอาเรื่องของ Which / Who / Whom เป็นต้นไปใช้ในเรื่องต่อไป คือ
Adverbial Clause / Adverbial Phrase เพราะมีหลายคนเกิดความสับสน อย่างน่าเสียดายมาก เพราะข้อสอบนั้น ได้มีการแบ่งสัดส่วนไว้ชัดเจนอยู่แล้วเพื่อความสะดวกของนักศึกษาเอง ดังนั้น นักศึกษาต้องตั้งข้อสังเกตให้ดีนะครับ
Part 5 Combine the sentences, using the type of
adverbial clause given in parentheses.
อธิบายคำสั่ง โจทย์ข้อนี้ให้นักศึกษานำประโยคที่ให้ไว้สองประโยคที่มีใจความเดียว(Simple Sentences) เชื่อมเข้าเป็นหนึ่งประโยคซับซ้อนหรือหลายใจความ(Complex Sentence) ซึ่งใช้เครื่องมือในการเชื่อม
(Combine) ได้แก่ Subordinate Conjunction มาใช้ อันได้แก่ คำว่า When / where
/ before / because / although /so..that เป็นต้นเพื่อให้เป็น Adverbial
Clause หรือ อนุประโยคที่เป็นกริยาวิเศษณ์ ซึ่งต่างกับ Adjective Clause เป็นอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง
หลักที่ว่าขยายนามคำไหนก็ให้วางไว้หลังนามคำนั้นใช้ไม่ได้แล้ว เพราะ Adverbial Clause นั้น ไม่ได้ขยายนามหรือสรรพนาม
แต่ขยายทั้ง Main Clause หรือ Verb เป็นต้น ความสับสนและความสำคัญของ Adverbial
Clause จึงไปอยู่ที่การชั่งน้ำหนักของความหมายของประโยคนั้น
ๆ ว่าเป็นเรื่องของอะไร เวลา สถานที่ ความสอดคล้อง ความขัดแย้ง หรือความเป็นเหตุเป็นผลกัน
เป็นอาทิ ซึ่งนักศึกษาต้องจำคำ Subordinate
Conjunction ของแต่ละชนิดของ Adverbial Clause ให้ได้ แล้วมาพยายามหาความหมายของประโยคทั้งสองดูเพื่อ
ชั่งน้ำหนักดูว่าประโยคไหนควรจะเป็นประโยคหลัก (Main
Clause) และประโยคไหนควรจะเป็นอนุประโยค (Subordinate Clause) ถ้าวางผิดประโยค
ผลคือใจความของประโยคก็จะเสียและผิดความหมาย ดังนั้นควรจะดูให้ดี บางคนได้ตัวอย่างคำของทุกชนิดแต่เสียดายวางไม่ถูกที่
จึงไม่ได้คะแนน (กรุณาอ่านในเอกสารประกอบการสอนด้วย)
1. I look up left or
right. I see strangers around myself. (place)
I look up left or right where /
wherever I see strangers around myself.
ตัวอย่างที่ผิด
2. The rules had not
been respected. The number of crimes increased. (Reason)
Because / Since
/ As the rules had not been respected, the number of crimes increased.
ตัวอย่างที่ผิด
3. His report is
confusing. I cant understand his purposes. (Result)
His report is so confusing that I
cant understand his purposes.
ตัวอย่างที่ผิด
4. She will go to see
Harry Potter tonight. Her friend books her a ticket. (Condition)
She will go to see Harry Potter
tonight if her friend books her a ticket.
If her friend books her a ticket,
she will go to see Harry Potter tonight.
ตัวอย่างที่ผิด
If she will go to see Harry
Potter tonight, her friend books her a ticket. ( Wrong
)
5. Simon had moved to the
city. He decided to buy a condominium near his workplace. (Time)
After Simon had moved to the city,
he decided to buy a condominium near his workplace.
ตัวอย่างที่ผิด
6. Many students watch
soundtrack films. They can develop their listening skill. (Purpose)
Many students watch soundtrack
films so that they can develop their listening skill.
ตัวอย่างที่ผิด
7. Her blonde hair is
shiny. It were real gold. (Comparison)
Her blonde hair is shiny as if it
were real gold.
ตัวอย่างที่ผิด
8. Jane passed a writing
course. Her work also has many mistakes in spelling. (Concession)
Jane passed a writing course
although her work also has many mistakes in spelling.
Although Jane passed a writing
course, her work also has many mistakes in spelling.
ตัวอย่างที่ผิด
Part 6 Combine the sentences into one, using the
type of participial phrase as given in the parentheses.
อธิบายคำสั่ง โจทย์ข้อนี้ให้นักศึกษานำประโยคที่ให้ไว้สองประโยคที่มีใจความเดียว(Simple Sentences) เชื่อมเข้าเป็นหนึ่งประโยคซับซ้อนหรือหลายใจความ(Complex Sentence) ซึ่งใช้หลักการเดียวกันกับ
Adverbial Clause มาใช้ กล่าวคือ นำเอาเครื่องมือในการเชื่อม (Combine) ได้แก่ Subordinate Conjunction มาใช้ อันได้แก่ คำว่า When / where
/ before / because / although /so..that เป็นต้นเพื่อให้เป็น Adverbial
Clause หรือ อนุประโยคที่เป็นกริยา (ดูคำอธิบายในข้อที่ ๕
เมื่อเข้าใจข้อที่ ๕ ดีพอแล้วก็สามารถทำประโยค Adverbial
Clause ได้แล้วก็มาลดรูปเป็น Adverbial Phrase เพราะโจทย์ในข้อที่ ๖ นี้ให้นักศึกษาเชื่อมสองประโยคนั้นให้เป็นประโยคAdverbial Phrases โดยวิธีทำนั้น
ประการแรกนักศึกษาต้องชั่งน้ำหนักประโยคดูว่าเป็นไปในทำนองใด เช่น ดูว่า เป็นเหตุเป็นผลกันหรือไม่
เป็นต้น เพื่อจะได้เลือกประโยคหลัก (Main Clause:
MC)ได้ถูกต้องแล้วลองคิดคำเชื่อมมาวางดูให้ได้ความที่สุด
เราะจะตัดคำเชื่อมออกหรือไม่ก็ตัด ประการต่อมา นักศึกษาต้องจำชื่อของ
Phrase แต่ละชนิด
(๔ ชนิด) และหลักการในการทำให้เป็น Phrase ชนิดนั้น ๆ กล่าวคือการลดรูปเพื่อให้สื่อสารกันได้ง่ายขึ้นเท่านั้นเอง
ไม่ให้เสียความ อีกทั้งประหยัดถ้อยคำ โดยหลักก็ยังคงยืมหลักเรื่อง Present Participle (-ing) หรือ Past Participle (-ed) ของวลีคุณศัพท์ (Adjective Phrase) มาใช้กับ วลีกริยาวิเศษณ์
(Adverbial Phrase)
1. John studies hard
this semester. He wants to get better grades. (Related)
Wanting to get better grades, John
studies hard this semester.
ตัวอย่างที่ผิด
2. A clause begins with
not only. The subject and verb are inverted. (Absolute)
A clause beginning with not only,
the subject and verb are inverted.
ตัวอย่างที่ผิด
3. Jane has a lot of
experience in computer. She is qualified as first choice. (Verbless)
Because having a lot of experience
in computer, Jane is qualified as first choice.
ตัวอย่างที่ผิด
4. We consider our
responsibilities. We have done as best as we can. (Unrelated)
Considering our responsibilities,
we have done as best as we can.
ตัวอย่างที่ผิด
Part 7 Change the participial phrase into an
adverbial clause.
อธิบายคำสั่ง โจทย์ข้อนี้ให้นักศึกษาเปลี่ยนกลุ่มวลีที่เป็นกริยาวิเศษณ์ (Adverbial Phrase) หรือ กลุ่มวลีที่มาจากกริยาเติม-ing
หรือ -ed ให้เป็นประโยค Adverbial Clause โดยวิธีทำนั้น ประการแรกนักศึกษาต้องดูกลุ่มคำที่เป็น Adverbial Phrase ที่เป็น-ing
หรือ -ed แล้วต้องพยายามขยายหรือเปลี่ยนกลุ่มคำกลุ่มนั้นเป็น อนุประโยคกริยาวิเศษณ์
(Adverbial Clause) ซึ่งต้องนำหลักตามข้อที่ 6 มาใช้ กล่าวคือ ต้องนำคำ Subordinate
Conjunction ซึ่งเป็นเครื่องมือในการเชื่อม(Combine) มาใช้ใน Phrase ที่ต้องนำมาใช้ด้วย แต่บาง Phrase ไม่ต้อง ก็ถือว่าไม่ใส่แต่ตัวนักศึกษา
ต้องทราบว่า คือ Subordinate Conjunction ตัวไหน ที่ซ่อนอยู่ ต่อจากนั้นทำกริยาให้เป็นไปตามมิติของเวลา (Tense) ซึ่งสามารถรู้ได้จาก กริยาหลักของ
ประโยคหลัก (Main Verb ของ Main Clause) สรุป ข้อนี้ เป็นไปในทำนอง ตรงกันข้ามกับข้อที่ 6 ดังนั้น ขอให้นักศึกษา ทุกคนจงสังเกตดูเอาเถิด
1. If measured by modern
standard, plastic toys may not be safe for children.
If plastic toys are measured by
modern standard, they may not be safe for children.
ตัวอย่างที่ผิด
2. Buying a lot of
gasoline for my car, I dont pay attention to its trade mark.
When I buy a lot of gasoline for my
car, I dont pay attention to its trade mark.
ตัวอย่างที่ผิด
3. Speaking of Paradon, we try hard to play tennis.
When / If
we speak of Paradon, we try hard to play tennis.
When / If
one speaks of Paradon, we try hard to play tennis.
ตัวอย่างที่ผิด
4. Improved in their
colors,
Because / Since
/ As
ตัวอย่างที่ผิด
The End