มาที่นี่ที่เดียว ได้อ่านบทความทางด้านการแพทย์ ภาษาไทย จากเกือบทุกโฮมเพจที่มีใน INTERNET
http://www.oocities.org/Tokyo/Harbor/2093/
จำสั้นๆ i.am/thaidoc

[ คัดลอก จากนิตยสารแม่และเด็ก ปีที่20 ฉบับที่ 305 กรกฎาคม 2540 ]

ความผิดปกติของพฤติกรรม

คณะแพทย์โรงพยาบาลศิครินทร์


สาเหตุพื้นฐาน
เด็ก ๆ ทุกคนแสดงพฤติกรรมที่ยุ่งยาก ณ เวลาหนึ่งเวลาใดของชีวิต อาทิเช่น แสดงออกซึ่งความวิตกกังวลในสถานการณ์ต่าง ๆ หรือประพฤติตัวในลักษณะที่ คนอื่นยอมรับไม่ได้ บ่อยครั้งที่ความประพฤติที่ไม่ดีปรากฏออกมา โดยไม่มีสาเหตุทางจิตวิทยา โดยบางรายอาจเป็นด้วยเด็กยังเล็กเกินกว่าจะเข้าใจว่า สิ่งที่แกทำไปนั้นผิด บางครั้งพฤติกรรมไม่ดีที่แสดงออกเป็นเพียงส่วนหนึ่งของพัฒนาการ ทั่วไป ยกตัวอย่างเช่น โมโหร้าย ซึ่งมีบทบาทสำคัญ ในการพัฒนาการทางอารมณ์ของ เด็กเล็กทุก ๆ คน ส่วนในเด็กโตความรักสนุก และความรู้สึกต้องการผจญภัย อาจนำไปสู่ผลร้าย และเกิดการปะทะกับผู้ใหญ่โดยที่จริง ๆ แล้วเด็กไม่ได้ตั้งใจอย่างนั้น

แต่ในบางราย ความผิดปกติของพฤติกรรม อาจมีผลจากความผิดปกติทางอารมณ์ โดยอาจเป็นผลจากอารมณ์เสีย ที่เกิดขึ้นเป็นระยะยาว และเป็นปัญหาที่ร้ายแรงกว่า

ความหลากหลายของปัญหาทางอารมณ์
อาจพบได้ว่าเกิดขึ้นจากพฤติกรรมที่ยากลำบากของเด็กซึ่งที่พบบ่อย ๆ คือ
  • ความรู้สึกไม่มั่นคง จากครอบคัวที่แตกแยก หรือไม่ราบรื่น
  • ความอิจฉาริษยาของสมาชิกอื่นในครอบครัว
  • ความวิตกกังวลในวัยเด็ก
  • ความพิกลพิการ หรือการไร้ความสามารถ
  • บางครั้งเกิดจากความร้อน
  • ความเคร่งครัดเกินไปของระเบียบวินัยในบ้านหรือที่โรงเรียน
  • ความรู้สึกผิด ไม่ว่าจะโดยจินตนาการหรือผิดจริง ๆ


บางครั้งปัญหาทางอารมณ์ มีผลก่อให้เกิดความผิดปกติทางพฤติกรรม ที่ยากต่อการวินิจฉัยและรักษา โดยคุณพ่อคุณแม่แต่ลำพัง ในกรณีเช่นนี้ การขอความช่วยเหลือจากบรรดามืออาชีพ เช่น ผู้เชี่ยวชาญการให้คำปรึกษาแนะนำ นักสังคมสงเคราะห์ นักจิตวิทยา หรือจิตแพทย์ จะช่วยให้เกิดการชี้แนะที่ถูกต้อง แก่เด็กได้

สัญญาณเตือน
เด็ก ๆ มีวิธีการต่าง ๆ ในการแสดงออกซึ่งอารมณ์ที่แปรปรวน โดยทั่วไปแล้ว คุณพ่อคุณแม่ควรให้ความสนใจใน ปัญหาพฤติกรรมรุนแรง หรือต่อเนื่องที่ผิดไปจากธรรมดา หรือเป็นเรื่องผิดปกติเมื่อเทียบกับเด็กอื่น ๆ ในรุ่นราวคราวเดียวกัน

การร้องไห้ตลอดเวลา ความวิตกกังวลที่ปรากฏชัดเจน หรืออาการเซ็งซึมเศร้า การกลับมาของพฤติกรรมแบบทารก การขาดความสนใจ ความหยาบคายผิดปกติ การปัสสาวะรดที่นอน การนอนละเมอ ล้วนเป็นตัวอย่างของพฤติกรรม ที่ควรจะดำเนินการสืบสวนต่อไป ให้ทราบถึงสาเหตุที่หยั่งรากยิ่งลึกอยู่ในปัญหาทางอารมณ์ของเด็ก

ระเบียบวินัย
ประสบการณ์ด้านระเบียบวินัย ครั้งแรกในชีวิตของเด็กมัก จะมาจากในครอบครัว ของตนเอง วัตถุประสงค์ ของคุณพ่อคุณแม่ก็คงจะมีเป็นแนวทางปฏิบัติของเด็ก เพื่อให้มีพฤติกรรมมาตรฐานตามความคาดหวัง เพื่อส่งเสริมให้เด็กเรียนรู้การควบคุมตัวเอง และช่วยให้เกิดสำนึกแห่งความรับผิดชอบเมื่อเติบใหญ่

การขาดมาตรการทางวินัยของคุณพ่อคุณแม่ อาจก่อให้เกิดความไม่มั่นใจ และสับสนในตัวเด็ก ถ้าหากพฤติกรรมที่บ้านซึ่งไม่เคยมีใครห้าม แต่กลับกลายเป็น สิ่งที่คนนอกบ้านเขาไม่ยอมรับกัน ในทางตรงข้ามความเคร่งครัดจนเกินไปอาจ สกัดกั้นความอยากรู้อยากเห็น อยากผจญภัยของเด็ก และอาจทำให้เด็ก กลัวการลองของใหม่ไปเสียหมด ในบางรายความเคร่งครัดจนเกินจำเป็น ก่อให้เกิดข้อจำกัดทางเสรีภาพในเด็กเล็ก แล้วนำไปสู่การปฏิวัติต่อต้านผู้ใหญ่ในเวลาต่อมา

มาตรการทางวินัย สำหรับเด็กไม่ใช่เพียงแค่การทำโทษ ซึ่งแน่ละ แม้ในพ่อแม่ที่รักความสงบสุขที่สุด ก็ยังเห็นความจำเป็นของการทำโทษเป็นครั้งคราว

แต่จริง ๆ แล้วองค์ประกอบสำคัญที่สุดในการสร้างวินัยคือ การทำตนเป็นตัวอย่างที่ดีของคุณพ่อคุณแม่ เพราะว่าเด็ก ๆ จะเรียนรู้จากรูปแบบของพฤติกรรมพ่อแม่มากกว่า การส่งเสียงดุ หรือการทำโทษแบบทหารเกณฑ์

ความคาดหวังในพฤติกรรมของเด็ก จะต้องเป็นไปตามความสามารถของเด็กในวัยต่าง ๆ เช่น เป็นเรื่องไร้ค่าสิ้นดีที่จะไปคาดหวังว่าเด็กวัย 1 ขวบ จะป้อนอาหารเข้าปากตัวเองได้อย่างสุภาพเรียบร้อย

และเป็นเรื่องสำคัญมาก ที่จะต้องจำไว้ว่าเด็กแต่ละคนมีความเป็นปัจเจก คือ เป็นตัวของตัวเอง จึงต้องปฏิบัติต่อแกให้เหมาะสม เพราะแม้ในครอบครัวเดียวกันเด็ก ๆ อาจมีอารมณ์ไม่เหมือนกัน และต้องใช้มาตรการทางวินัยที่แตกต่างกัน

ระยะต่าง ๆ
พฤติกรรมบางชนิดที่เป็นเรื่องปกติธรรมดา ในพัฒนาการเด็ก อาจก่อให้เกิดความตระหนกตกใจแก่คุณพ่อคุณแม่ ยกตัวอย่างเช่น การแยกตัวไม่ยอมร่วมเล่นกับคนอื่น ๆ การไม่ยอมแบ่งของเล่นให้คนอื่น ล้วนเป็นพฤติกรรมปกติที่ผ่านมา ในระยะพัฒนาการแล้วจะผ่านไปเองในที่สุด โดยไม่ต้องการการแทรกแซงจากพ่อแม่

ในทำนองเดียวกัน การกัดเล็บ แคะจมูก ดูดนิ้วมือ การเล่นอวัยวะเพศ รับประทานของแปลก ๆ และอารมณ์ร้าย ล้วนเป็นพฤติกรรม ที่พบบ่อย ๆ ในเด็กเล็ก และต้องสืบสวนต่อไปก็ต่อเมื่อพฤติกรรมนั้นยังดำเนินต่อไปในวัยเด็กที่โตขึ้นแล้ว

การเอาศีรษะชนสิ่งของ เขย่าเปลนอนกลั้นหายใจ และกลืนลมเป็นพฤติกรรมที่น่าตกใจ แต่ก็อาจเกิดขึ้นโดยเป็นผลจากความอิจฉาริษยา หรือความไม่มั่นคงที่ทำให้เด็ก ๆ แสดงออกเพื่อต้องการการปลอบโยน

ปัญหาทางการพูด
การพูดได้ช้าเป็นสาเหตุบ่อย ที่สร้างความวิตกกังวลให้แก่คุณพ่อคุณแม่ ซึ่งโดยทั่วไปแล้วก็ไม่มีอะไรน่าห่วง แต่ก็เป็นเรื่องจำเป็นอยู่ที่จะต้องนำตัวเด็ก ไปตรวจสอบการได้ยิน เพื่อดูว่ามีความผิดปกติเกิดขึ้นหรือไม่

การพูดติดอ่างเล็กน้อย หรือการพูดสะดุดคำบางคำ เป็นเรื่องที่พบบ่อยในหมู่เด็กเล็ก อันเป็นผลจากการที่ เด็กมีความกระตือรือร้นที่จะพูดที่เร็วกว่า ความสามารถของร่างกาย จะตอบสนองได้ทัน

เกือบทุกรายบอกได้เลยว่า ปัญหาทั้งหลายจะหายไปเองโดยไม่ต้องการความช่วยเหลือพิเศษใด ๆ

การพูดติดอ่างต่อเนื่องในเด็กโต จะพบในเด็กชายมากกว่าเด็กหญิง ความตึงเครียดทางอารมณ์จะทำให้อาการดังกล่าวเลวลง คุณพ่อคุณแม่ไม่ควรจะไปใส่ใจ หรือจ้องให้ความสนใจ ในความลำบากของเด็กจนเกินไป อย่างไรก็ตาม การบำบัดปัญหาการพูด จะช่วยเด็กที่พูดติดอ่างได้ดี และส่วนใหญ่จะหายขาด

การปัสสาวะรดที่นอน
การปัสสาวะรดที่นอน เป็นปัญหาที่พบบ่อยและอาจก่อให้เกิดความวิตกกังวลทั้งต่อเด็ก และคุณพ่อคุณแม่ได้ ส่วนใหญ่แล้วเด็กที่มีปัญหานี้จะดีขึ้นเองเมื่อเวลาผ่านไป แต่ก็มีขั้นตอนหลากหลายที่จะช่วยไม่ให้เด็กเปียกได้

สาเหตุ
การรักษาร่างกายไม่ให้เปียกตลอดคืน เป็นทักษะที่เด็กเล็กบางคนทำได้ยาก ในกรณีเหล่านี้มักจะเป็นผลจาก กระเพาะปัสสาวะที่ยังมีขนาดเล็ก และมีความอ่อนไหวท่ามกลางปริมาณปัสสาวะที่มาก

ในเด็กบางคนการปัสสาวะรดที่นอน เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นชั่วคราวตามหลังหลาย ๆ คืนที่แห้งมาตลอด เหตุการณ์นี้มักจะเกิดช่วงอายุ 4-7 ปี โดยมักจะเป็นผลจาก อารมณ์หงุดหงิดที่เกิดขึ้นในช่วงสั้น ๆ เช่น การเริ่มไปโรงเรียน หรือการมาของทารกที่เป็นสมาชิกใหม่ในครอบครัว มีเพียงนาน ๆ ครั้งที่อาการปัสสาวะรดที่นอน เป็นผลจากความผิดปกติทางอารมณ์ชนิดรุนแรง

การรักษา
ในทุก ๆ ราย ควรจะจำกัดการดื่มน้ำ และของเหลวตอน ช่วงบ่ายและค่ำ ทั้งนี้เพราะการผลิตปัสสาวะจะมีมากที่สุดใน 2-3 ชั่วโมงหลังนอนหลับ การปลุกเด็กขึ้นไปถ่ายปัสสาวะในช่วงนี้ อาจเป็นการบำบัดที่เพียงพอแล้ว ส่วนในรายที่เป็นรุนแรง ก็อาจจะเสริมด้วยแผ่นรองพิเศษหรือติดสัญญาณ เตือนโดยที่ปัสสาวะแม้เพียงหยดเดียว จะทำให้กริ่ง สัญญาณดังขึ้น จนปลุกเด็กตื่นขึ้นไปเข้าห้องน้ำได้ ทำให้เด็กเพิ่มความมั่นใจ
มีเพียงบางกรณีจริง ๆ ที่หมออาจต้องสั่งยา หรือให้จิตบำบัดช่วย

จะขอนำปัญหาด้านพฤติกรรมในวัยเด็ก ทั้งชนิดที่พบบ่อย ๆ กับชนิดที่นาน ๆ พบสักครั้งมาเสนอไว้ในบทนี้

การโกหก
การพูดโกหกมีพื้นฐาน 2 รูปแบบ กล่าวคือ

การเล่าเรื่องแปลกประหลาด ประเภทแฟนตาซี นับเป็นขั้นตอนปกติ ในการพัฒนาการของเด็กเล็ก และถือเป็นอาการแสดงของการเบ่งบาน ในจินตนาการของเด็ก
ส่วนในเด็กโต การโกหกแบบนี้มักจะมีวัตถุประสงค์ในการทำให้เหตุการณ์ที่ เกิดขึ้นจริง ๆ มีสีสันขึ้น แบบที่เราแซวกันว่าชอบใส่ไข่ อย่างไรก็ตาม ถ้าเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นบ่อยครั้งมาก ก็อาจเป็นอาการแสดง ที่บ่งบอกว่า เด็กคงต้องการ ให้ใครช่วยสร้างความั่นใจให้ว่า การโกหกแบบที่ทำมาเพื่อเอาชนะ หรือสร้างความนิยมชมชอบจากผู้นั้น จริง ๆ แล้วไม่จำเป็น

เด็กทุกคนพูดโกหก เพื่อปกปิดความผิดที่กระทำลงไป ซึ่งสำหรับเด็กเล็กแล้วการโกหกดังกล่าว เป็นสัญญาณแสดงว่า แกเริ่มเข้าใจแล้วว่าบางสิ่งบางอย่างนั้นถือว่าเป็นสิ่งไม่พึงกระทำ ส่วนเด็กโตที่ชอบโกหก ก็ยังอาจหมายความเพียงว่า แกมีอุปนิสัยชอบการผจญภัยมากกว่าเด็กอื่น ๆ หรืออาจเกิดความกลัวเอามาก ๆ เลยว่าตนกำลังจะสูญเสียความรักที่คุณพ่อคุณแม่มีต่อตน ถ้าหากการกระทำผิดเป็นที่ประจักษ์ต่อคุณพ่อคุณแม่

ความเขินอาย
แม้แต่เด็กที่ปกติเป็นคนเข้ากับใคร ๆ ได้ง่ายบางครั้ง ยังรู้สึกเขินอาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งตอนที่ครอบครัวย้ายบ้าน ไปอยู่ในชุมชนใหม่ หรือไม่ก็ตอนที่เข้าโรงเรียนใหม่ แต่ก็เป็นความอายที่คงอยู่ไม่นาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าเด็กคนนี้ ได้รับการประคับประคองให้ยืนอยู่บนขาของตนเอง อย่างมั่นคง

แต่ถ้าหากขี้อายอยู่ตลอด หรือรุนแรงแล้วก็อาจเป็นปัญหาได้ แม้ว่ากรณีดังกล่าวมักจะหายไปได้ตามเวลาที่ผ่านไป หรือถ้ามีคนช่วยดูแลด้วยความอาทรสงสาร

สำหรับเด็กที่ขี้อายมาก ๆ แล้ว ควรสนับสนุนให้หาเพื่อนที่มีอายุรุ่นราวคราวเดียวกัน หรือบางครั้งเด็กอาจจะรู้สึกสะดวก ถ้าได้เชิญเด็กอื่น ๆ มาเล่นในครอบครัว หรืออาณาเขตของตนเอง

เป็นเรื่องสำคัญมากทีเดียว ที่คุณพ่อคุณแม่ต้องอย่าปล่อยให้เด็กที่ขี้อายมาก ๆ ต้องพึ่งพาคุณพ่อคุณแม่อยู่ตลอดจนเกินไป นอกจากการให้ความรักและความมั่นคง แต่ต้องเรียนรู้การพึ่งพาตนเอง

ความกลัว อย่างไร้เหตุผล
เด็กทุก ๆ คนจะผ่านประสบการณ์ ความกลัวอย่างไร้เหตุผล ครั้งใดครั้งหนึ่งในชีวิต เช่น กลัวความมืด กลัวคนแปลกหน้า กลัวสัตว์ กลัวการถูกปล่อยให้อยู่แต่ลำพัง แม้ในสถานการณ์ที่ค่อนข้างจะปลอดภัย เหล่านี้ล้วนเป็นตัวอย่างที่พบบ่อย ๆ ในวัยเด็ก ยังดีที่ว่า ความกลัวเหล่านี้มักจะเป็นอยู่ช่วงสั้น ๆ หรือแม้หากว่าเป็นอยู่นาน ก็ไม่ทำให้เด็กเกิดความผิดปกติมากมาย ถ้ามีคุณพ่อคุณแม่อยู่ใกล้ชิดไว้

อย่างไรก็ตาม ในเด็กบางคน ความกลัวสุดขีด เป็นอาการแสดงถึงอารมณ์ผิดปกติ ที่หยั่งลึกอยู่ในจิตใจของแก จนต้องให้มืออาชีพช่วยเหลือ เด็กดังกล่าวจะตื่นตระหนกต่อสิ่งที่เกิดขึ้น ตามปกติในชีวิตประจำวัน เช่น ของเล่นหรือสัตว์เลี้ยง ตื่นตกใจกลัวเป็นพิเศษกับประสบการณ์ใหม่ ๆ วิตกกังวลจนเกินเหตุว่าจะบาดเจ็บ แม้ในกิจกรรมที่คนส่วนใหญ่รู้สึกว่าปลอดภัยดีออก หรือกลัวอยู่ตลอดเวลา ว่าจะประสบความล้มเหลวในงานง่าย ๆ

พฤติกรรมต้องการความสนใจเป็นพิเศษ
เด็ก ๆ ในวัยต่าง ๆ สร้างความสุขใจจากการแสดงกิริยาบางอย่าง อย่างเช่น พฤติกรรมก่อนเข้านอน ที่สลับซับซ้อนซึ่งพบบ่อย ๆ ในเด็กเล็กที่มีความสำคัญ อย่างกลยุทธ์โยกโย้ อาทิ

ระหว่างวัย 7-10 ปี จะมีตัวอย่าง รูปแบบพิธีการต่าง ๆ ที่จัดขึ้นเพื่อกำจัดความโชคร้าย ยกตัวอยางเช่น ไม่ยอมก้าวขึ้นบนบาทวิถีที่มีรอยแตกร้าว หรือเอามือจับอวัยวะที่ส่วนต่าง ๆ ของร่างกายทันทีที่เห็นรถพยาบาล การกระทำเหล่านี้เป็นสิ่งปกติ ในการพัฒนาของเด็ก แต่อย่างไรก็ตาม บางครั้งพฤติกรรมเรียกร้องความสนใจอย่างนี้ เป็นอาการแสดงของอารมณ์ที่ไม่มั่นคง การโยกตัวไปมาหน้าหลัง เอาศีรษะกระแทกสิ่งของ ความย้ำคิดย้ำทำด้วยความสนใจต่อความประณีต และความสะอาด หรือพิถีพิถันกับเรื่องอาหาร อาจหมายความว่าในจิตใต้สำนึกของแกนั้นกำลังเรียกร้องความช่วยเหลือ

ความเฉื่อยชา
เมื่อใกล้วัยรุ่น เด็กอาจผ่านระยะของความเฉื่อยชาได้บ่อย แต่ก็เป็นพฤติกรรมชนิดที่ไม่พบเป็นลักษณะทั่วไปของเด็กที่เล็กกว่า หรือ อาจบ่งบอกสัญญาณว่าทุกสิ่งทุกอย่างมิได้ดำเนินไปด้วยดี

เด็กที่มองหาความเจ็บป่วย คงไม่อยากจะเล่นกับเพื่อน ๆ และตามปกติแล้วอีกไม่นานนัก ก็จะปรากฏสาเหตุเมื่ออาการอื่น ๆ เริ่มโผล่ออกมา ถ้าหากเด็กมีสุขภาพทางกายปกติ ความเฉื่อยชาที่เห็นบ่อย ๆ อาจเป็นสัญญาณว่าแกกำลัง ต้องการความช่วยเหลือในการจัดการกับปัญหา ทางอารมณ์ที่มีอยู่ ซึ่งมักจะเป็นอย่างที่ว่า ถ้าหากพฤติกรรมเก็บตัวเกิดขึ้นร่วมกับ อาการแสดงของความตึงเครียด เช่น ขี้ลืม ขาดความรู้สึกลึก ๆ ฝันกลางวันจนเกินไป ฝันร้าย หรือขาดความสามารถในการตัดสินใจ

สนใจเรื่องเพศ และความรุนแรง
การสนใจหัวข้อเรื่องทางเพศ ของเด็กบางคนอาจเป็นเรื่องปกติ และเป็นธรรมชาติในหมู่เด็กเล็ก การเล่นเกมทางเพศแบบเด็กๆ และการใช้คำพูดสบถสาบานที่แฝงด้วยเรื่องเพศ อาจฟังดูน่าเป็นห่วงสำหรับคุณพ่อคุณแม่ แต่ก็คงไม่มีอะไรมากกว่าไปปรากฏการณ์ชั่วคราวของขั้นตอนพัฒนาการในเด็ก

แม้ความรุนแรง ก็อาจดูเหมือนเป็นเรื่องน่ากังวลสำหรับคุณพ่อคุณแม่ว่า เป็นสิ่งผิดธรรมชาติ ในชีวิตของลูก ๆ การแสดงความก้าวร้าวในเกมคาวบอย ทหาร แก๊ง เป็นต้น ก็จัดเป็นส่วนพื้นฐานของการเติบโต และเป็นสิ่งตอบสนองต่อความสัมพันธ์ทางสังคม ที่สลับซับซ้อนขึ้น

แต่ถ้าเด็กให้ความสนใจทางเพศ หรือความรุนแรงอย่างชัดแจ้งเกินไป จนเข้าข่ายพฤติกรรมผิดปกติ คุณพ่อคุณแม่ก็อาจต้องแสดงความเป็นห่วง

คณะแพทย์โรงพยาบาลศิครินทร์


ขอบคุณนิตยสารแม่และเด็ก ที่อนุญาตให้นำมาเผยแพร่

[ BACK TO LIST]
main พบแพทย์ คอมพิวเตอร์ เรื่องบ้าน เรื่องรถ เรื่องกฏหมาย เรื่องของผู้บริโภค เรื่องเบาๆ คลายเครียด

มีปัญหาสุขภาพ ที่นี่มีคำตอบ ห้องสมุดE-LIB[ hey.to/yimyam ][ i.am/thaidoc ]

Best view with [IE3.02][NETSCAPE 4.05][OPERA 3.21]resolution 800x600