แสดงธรรมเทศนาโดย   พระครูอดิสัยคุณาธาร   (หลวงพ่อสีทน   สีลธโน)   วัดถ้ำผาปู่   ต.นาอ้อ   อ.เมืองเลย   จ.เลย

เครื่องหมายของผู้ถือศาสนา

จากหนังสือ   อนุสรณ์   งานพระราชทานเพลิงศพ   7   เมษายน   2539

         การถือศาสนา   คำว่าการถือศาสนานี้เราจะหมายเอาแค่ไหนถึงจะเป็นการถือศาสนาอันแท้จริง   อันนี้รู้สึกว่าสำคัญอยู่   บางคนถือกันแต่ปากถือแต่คำพูดถือตามๆกันมาจาก   ปู่   ย่า   ตา   ยาย   แต่ไม่รู้จักการถือศาสนาอันแท้จริงนั้น   อันเข้าถึงพระพุทธศาสนานั้น   จะมีอะไรเป็นเครื่องหมาย   บางคนอาจยังไม่รู้แหละ   บางคนอาจมีความเห็นว่าตนได้ไปถวายอาหารบิณฑบาตแก่   พระเจ้าพระสงฆ์   เป็นครั้งๆคราวๆ   ก็ถือว่าตนเองถือศาสนา   อาจจะถือแค่นี้ก็มีบางคนหากถือแค่นี้รู้สึกว่ายังตื้นอยุ่   ยังไม่ลึกลับเท่าที่ควร   ยังไม่เป็นการถือศาสนาอันถูกต้องให้พารู้จักเข้าใจอย่างนั้น   คำว่าถือศาสนาที่ถูกต้องนั้นจะต้องมีเครื่องหมายคือ
         1)   มีไตรสรณคมน์   เป็นเครื่องหมาย
         2)   มีศีล   5   เป็นเครื่องหมาย
จะต้องได้ไตรสรณคมน์เสียก่อน   ต้องมีศีล   5   เสียก่อน   ถึงว่าเป็นผู้ถือศาสนา   เป็นผู้อยู่ในขอบเขตของศาสนา   หากว่าพระไตรสรณคมน์ยังไม่มีศีล   5   ยังไม่มี   ยังถือว่าผู้นั้นเป็นคนนอกศาสนาอยู่   ให้พากันรู้จักตัวของตัวเองไว้ว่าเราถือศาสนาพุทธ   เราอยู่ในขอบเขตของศาสนาหรือเปล่า   ในระยะนี้โอกาสนี้ให้เรารู้และเข้าใจเอาไว้   คำว่าถือไตรสรณคมน์   ก็ถือเอาพระพุทธเจ้า   พระธรรม   พระสงฆ์   เป็นที่กราบไหว้สักการบูชา   นี้ถือว่าเราถือพระไตรสรณคมน์   ทีนี้จะกล่าวโทษ   5   ประการ   ที่จะทำให้ขาดจากพระไตรสรณคมน์
         1.   เราติเตียนพระพุทธเจ้า
         2.   เราติเตียนพระธรรม
         3.   เราติเตียนพระสงฆ์
         4.   ถือศาสนาอื่น
         5.   เข้ารีดเดียรถีย์
โทษ   5   ประการนี้เป็นเหตุให้เราขาดจากพระไตรสรคมน์   อย่างสมมุติว่าเราเคยกราบเคยไหว้   เคยเคารพนับถือพระพุทธเจ้า   พระธรรม   พระสงฆ์   เมื่อเราติเตียน   พระพุทธเจ้า   พระธรรม   พระสงฆ์   ถือศาสนาอื่น   เข้ารีดเดียรถีย์   เราก็ขาดจากไตรสรณคมน์เลยแหละ   ขาดจากพระไตรสรณคมน์เหมือนอย่างพระภิกษุไปผิดสิกขาบท   4   ประการ   คือ   ปาราชิก   4   ประการแล้วก็ขาดจากการเป็นภิกษุ   ทีนี้พวเราอุบาสกอุบาสิกา   ผู้ถือไตรสรณคมน์   ไปล่วงเกินในโทษ   5   ประการ   ก็ถือว่าเราขาดจากพระพุทธเจ้า   พระธรรม   พระสงฆ์   ไปต้องได้ประกาศปฏิญาณตนใหม่   คำว่าติเตียนพระพุทธเจ้านั้นถือว่าพระพุทธเจ้าไม่ดี   หาเรื่องหลอกลวงมนุษย์ทั้งหลาย   นี่แสดงว่าติเตียนพระพุทธเจ้า   ติเตียนพระธรรมคำสั่งสอนที่ท่านเขียนเอาไว้   จารึกเอาไว้นี้เป็นเรื่องหลอกลวงเป็นของปลอมทั้งนั้น   นี่แสดงว่าเราติเตียนพระธรรม   ติเตียนพระสงฆ์นี้หมายเอาพระสงฆ์ที่ปฏิบัติดี   ปฏิบัติชอบทางกาย   วาจา   ใจ   นับแต่ผู้มีศีล   227   ขึ้นไปนี่แหละ   นี่สงฆ์เหล่านี้ไม่ควรตำหนิติเตียนพระสงฆ์เหล่านี้ถือว่าเป็นผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ   เป็นเบื้องต้น   ถ้าเราไปติเตียนดูถูกดูหมิ่นว่ากล่าวท่าน   พระไตรสรณคมน์ก็จะขาดไปโดยปริยาย   ทีนี้หากว่าเราไปติเตียนว่ากล่าวพระสงฆ์ที่ไม่มีศีลธรรม   เป็นผู้หลอกลวงโลกเขากินนั้น   อันนี้พระไตรสรณคมน์เราก็ไม่ขาดหรอก   ท่านพูดไว้เฉพาะสงฆ์ผู้ปฏิบัติดี   ปฏิบัติชอบ   ถ้าสงฆ์สะเปะสะปะเที่ยวบอกบุญอันโน้นอันนี้   อะไรที่มันผิดศีลผิดธรรม   ด่าหน่อยก็ไม่เป็นไรหรอก   สงฆ์เหล่านี้ให้เราสังเกตด้วยสายตาเรา   ยิ่งคนที่เคยอ่านนวโกวาท   ยิ่งจะรู้จักเรื่องของพระได้ดีในพระวินัย   227   ข้อ   นี่แหละหากพระสงฆ์ทั้งหลายจะเป็นนิกาย   จะเป็นธรรมยุต   จะเป็นพระบ้าน   จะเป็นพระป่า   ก็แล้วแต่   หากตั้งอยู่ในสิกขาบทวินัย   227   ข้อนั้นแหละเป็นพระที่น่ากราบไหว้   น่าสักการบูชา   หากสงฆ์ใดไม่สมบูรณ์ในศีล   227   ท่านว่าเป็นพวกอลัชชี   พวกไม่มีหิริละอายต่อบาป

         บางคนก็สงสัยกังขาเหมือนกันในคำว่าติเตียนหมู่พระสงฆ์   เห็นสงฆ์ไม่ดีไม่งามไม่อยู่ในระเบียบธรรมวินัย   จะว่ากล่าวตักเตือนอะไรก็ไม่กล้า   กลัวพระไตรสรณคมน์ของตนจะขาด   ไม่เป็นไรหรอก   ตักเตือนว่ากล่าวท่านด้วยเพราะท่านจะลงนรกอเวจี   เราก็ดึงเอาไว้ซิ   ดึงไว้ลากเอาไว้   ได้บุญเสียด้วย   เราผู้ตักเตือนว่ากล่าวอย่าเข้าใจว่าเป็นบาป   ไม่เป็นบาปเป็นกรรมหรอก

         เข้ารีดเดียรถีย์   พวกเดียรถีย์ทั้งหลายเขานอนขวากนอนหนาม   ย่างตนย่างตัว   เมืองเราไม่ค่อยมีหรอก   โน้นไปอินเดียจึงจะรู้จึงจะเห็น   พวกเหล่านี้เป็นพวกต่อต้านพระพุทธศาสนา   บางหมู่พวกเดียรถีย์ไม่ชอบชำระสะสางตนตัวยังไปพบอยู่   ไม่อาบน้ำ   ไม่ตัดผม   แล้วเอาขี้เถ้าทาตนทาตัว   เป็นพวกเดียรถีย์เหมือนกัน   เป็นลัทธิประเภทหนึ่ง   เป็นผู้ศาสนาไม่รู้ศาสนาอะไรหรอก   พวกโยดีเขาว่าเขาเป็นพวกผู้วิเศษเหมือนกัน   คือสามารถปล่อยวางตนวางตัว   เอาถ่านฟืนถ่านไฟมากลบหัว   กลบหาง   กลบตัว   กลบตน   มองไปเหมือนเปรตเหมือนผี   หากเราไปเห็นแถวแม่น้ำคงคา   พวกที่ว่าโยคีกลุ่มหนึ่ง   กลุ่มหนึ่งปล่อยตนปล่อยตัวไม่มีผ้ามีแพรแหละ   จะมีเป็นผู้ชายเป็นส่วนมาก   มีบริวารติดตามตูด   มีน้ำเต้าทองถือสำหรับใส่น้ำเวลาไปถ่าย   นี้ก็เป็นพวกโยคีเหมือนกัน   เขาถือว่าเขาสิ้นไปซึ่งอาสวกิเลสเหมือนกัน   ละสักกายทิฎฐิได้แล้ว   พวกเหล่านี้ไม่ถือตัวถือตน   ไม่มีผ้ามีแพร   เมืองเขาถือว่าเป็นผู้วิเศษละได้วางได้   พวกเหล่านี้ไม่มีบ้านเรือนอยู่ตามเพิกหินเพิกผาตามร่มไม้   ค่ำตรงไหนนอนตรงนั้น   พวกโยคีจำพวกดังกล่าวถ้าเราไปกราบไหว้พวกเหล่านี้แล้วพระไตรสรณคมน์ก็ขาดไป

         นับถือศาสนาอื่น   มีศาสนาคริสต์   ศาสนาอิสลาม   อะไรเยอะแยะรวมทั้งการนับถือภูติผีปีศาจมาเป็นที่สักการะบูชากราบไหว้   ศาสนาอื่นใดที่จะเสมอเหมือนศาสนาพุทธนั้นไม่มี   ได้เพียงแต่สวรรค์เท่านั้น   จะทำจะปฏิบัติให้ถึงพระนิพพานนั้นทำไม่ได้   แต่ศาสนาพุทธสามารถจะปฏิบัติไปถึงพระนิพพานได้   ปฎิบัติได้จนสิ้นอาสวกิเลสได้   ศาสนาพุทธของเราจึงถือว่าเป็นศาสนาอันเลิศประเสริฐสุด

         ทีนี้หากเรามั่นในพระไตรสรณคมน์จริงๆ   แล้วถือเฉพาะพระพุทธเจ้า   พระธรรม   พระสงฆ์   เป็นที่สักการบูชา   นี่สมควรแก่มรรคแก่ผล   เมื่อเราตั้งอกตั้งใจปฏิบัติในศีล   สมาธิ   ปัญญา   ก็มีโอกาสเกิดมรรคเกิดผลได้   ผู้นับถือไตรสรณคมน์   หากล้มหายตายไปปิดอบายภูมิ   4   ไม่ได้ไปเป็น   เปรต   อสูรกาย   สัตว์นรก   สัตว์เดรัจฉาน   เว้นขาดได้เฉพาะภพชาติปัจจุบันเท่านั้น   ภพชาติอื่นไม่รับรอง   ได้เฉพาะชาติปัจจุบัน   ผู้ถือพระไตรสรณคมน์เป็นที่พึ่ง   หากภูติผีปีศาจจะมาหลอกหลอนทำให้เจ็บป่วย   เพียงแต่ผีเหล่านั้นมาใกล้มากลางศีรษะ   พวกผีทั้งหลายแตก   7   ภาค   นี่ผู้มั่นในพระไตรสรณคมน์   ทีนี้หากมีผู้ใดมาอิจฉาพยาบาทเบียดเบียนบุคคลผู้มีพระไตรสรณคมน์   กราบไหว้บูชาเช้า-เย็นมิได้ขาด   คนนั้นก็เกิดความพินาศฉิบหาย   อันนี้เห็นมาหลายราย   สมัยอยู่กับหลวงปู่คำดี   เคยเจอมีอยู่คนหนึ่งมาคอยอิจฉา   ก็คือต้องการให้คนนั้นหนีจากที่นั้นไป   คนนี้เกิดความระแวงใจว่าจะจัดการกับเขาก่อนให้มันหมดเรื่องไป   ก็มากราบเรียนหลวงปู่   หลวงปู่ว่าอย่าเลยให้อโหสิเขาไป   หากเราไปทำอย่างนั้นจะเป็นกรรมเป็นเวรต่อไปอีกหลายภพหลายชาติ   ขอบิณฑบาตคุณเถอะ   คนนี้เชื่อมั่นในหลวงปู่   มั่นอยู่ในพระไตรสรณคมน์   เขาก็มาอิจฉาเบียดเบียนจริงๆ   ไปๆมาๆคนที่มาอิจฉาพยาบาทเบียดเบียนนั้น   เกิดฆ่ากันตายโดยปริยายที่กลุ่มของเขา   ผลสุดท้ายอยู่ด้วยความสบาย   เพียงแต่เรานับถือกราบไหว้บูชาพระพุทธเจ้า   พระธรรม   พระสงฆ์   เป็นที่กราบไหว้บูชาก็ยังกำจัดภัยต่างๆได้   ปิดอบายภูมิทั้ง   4   ได้   น่าภูมิใจน่าพอใจน่าปฏิบัติจริงๆ   นี่ละอำนาจพุทธรัตนะ   ธรรมรัตนะ   สังฆรัตนะ

         การปฏิบัติพระไตรสรณคมน์   ก็ไม่ได้ยากอะไรเลย   กราบเช้า-กราบเย็นก็พอ   ตอนเช้ากราบพระพุทธ   พระธรรม   พระสงฆ์   จึงค่อยลุกไปทำการทำงาน   ก่อนจะหลับนอนก็กราบพระพุทธเจ้า   พระธรรม   พระสงฆ์     แล้วจึงค่อยหลับนอน   จึงไม่ใช่เรื่องหนักหนาอะไรเลยในการปฏิบัติต่อพระไตรสรณคมน์   แล้วก็เว้นโทษ   5   ประการดังกล่าว   อย่าไปล่วงเกิน   นี้เป็นเครื่องหมายของผู้ถือศาสนา

         อีกอย่างหนึ่งคือ   ศีล   5   ประการ   เราไม่เบียดเบียนใครเลยแหละ   เราไม่ลักไม่ขโมยใครแหละ   เราไม่ตะกละในกามคุณภรรยาสามีคนอื่นแหละ   เราไม่โกหกหลอกลวงใครแหละ   เราไม่กินเหล้าเมายาแหละ   นี่เป็นเครื่องหมายของผู้ถือศาสนา   ทีนี้หากเราประกาศตัวเราว่าเราถือภรรยาสามีของตนอยู่   เรายังโกหกหลอกลวงตอแหลคนอื่นอยู่   เรายังประกาศตนว่าเป็นผู้ถือศาสนามันก็ไม่เป็นผู้ถือศาสนาได้   เพราะการถือศาสนามันอยู่ที่การประพฤติปฏิบัติของพวกเรา   ต้องอาศัยการปฏิบัติเสียก่อนจึงค่อยเป็นศีล   เป็นธรรม   เป็นศาสนาขึ้นมาได้   นี่แหละเป็นเครื่องหมายของผู้ถือศาสนาที่แท้จริง   ขอให้เราท่านทั้งหลายได้พิจารณาและน้อมเข้าไปประพฤติปฏิบัติในตนของตน   ก็จะประสบแต่ความสุขความเจริญ   ดังให้คติมาก็เห็นสมควรแก่กาลเวลา   เอวัง....

- จบ -